สหรัฐฯ กับยุทธศาสตร์จัดการอิหร่าน

สหรัฐฯ กับยุทธศาสตร์จัดการอิหร่าน

ก่อนที่โลกจะวิตกต่อมหาไวรัสโรคระบาดที่เกรงว่าจะล้างโลกอยู่ในเวลานี้ เมื่อต้นปีโลกก็กังวลว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะปะทะขึ้น

หากอิหร่านกล้าตอบโต้ ที่สหรัฐฯฉวยโอกาสลอบสังหารนายพลคนดังของตนคาสนามบินอิรัก แต่ตอนนี้ความกังวลเรื่องสงครามนั้นเบาบางลงไปแล้ว เหลือแต่เพียงความสงสัยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป หากไม่เกิดสงคราม จะกลับสู่ภาวะตึงเครียดแบบพอควบคุมได้เหมือนที่เคยเป็นจริงหรือ ตามที่คาดการณ์ อิหร่านคงต้องล้างแค้นในแบบของอิหร่าน ขณะที่สหรัฐฯ มีแนวทางในการจัดการกับอิหร่านโดยไม่ใช้สงครามอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการกระตุ้นให้เกิดสงครามกลางเมืองในอิหร่าน

ขณะที่อิหร่านแสดงความปรารถนาจะแก้แค้น แต่เอาเข้าจริงก็คงได้แค่ใช้เครือข่ายก่อสงครามตัวแทนหรือ Proxy warในต่างประเทศเท่านั้น สหรัฐฯ มีไพ่ในมือที่จะเล่นเกมกับอิหร่านมากกว่า  การใช้ขีปนาวุธสังหารพลตรี Qasem Suleimani ก็เป็นยุทธวิธีที่หลังๆ มานี้ใช้จบการฝึกแก้ปัญหายุทธการบนโต๊ะเสนาธิการของกองทัพสหรัฐฯ นั่นคือการเด็ดหัวผู้บัญชาการสนาม ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดการชะงักงันเข้าสู่จุดผกผันของสถานการณ์ทันที ส่วนเรื่องของการตามตีต่อเนื่องให้ฝ่ายตรงข้ามพังพินาศไปสิ้นนั้น ผู้มีอำนาจตัดสินใจในทำเนียบขาวยังไม่คิดไกลขนาดนั้น เพราะการที่ยังแสวงประโยชน์จากการที่ตอนนี้ยังมีระบอบนักบวชในอิหร่านอยู่

สหรัฐฯ ยังต้องการให้อิหร่านกำแหงอย่างนี้ต่อไปอักระยะเวลาหนึ่งเพื่อต้องการให้ชาติตะวันออกกลางอื่นๆ ยังต้องพึ่งพากองกำลังสหรัฐฯ  หากระบอบนักบวชล้มไปอย่างรวดเร็ว น่าจะเกิดความวุ่นวายในตะวันออกกลางทันที นอกเหนือจากการก่อเหตุร้ายแบบผึ้งแตกรัง ไม่ต่างจากที่เคยเกิดขึ้นในอิรัก สมัยซัดดัมสิ้นใหม่ๆ เมื่อขาดการถ่วงดุลอำนาจ ชาติต่างๆ จะพึ่งพาสหรัฐฯ น้อยลง ซาอุดีอาระเบียจะใหญ่เกินไปและมีอำนาจในการต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐฯ มากขึ้น รัสเซียก็อาจเข้ามาชดเชยการขาดหายไปของอิหร่านด้วย สิ่งที่สหรัฐฯ ควรทำ คือยังคงมีอิหร่านไว้ขู่ชาติอื่นๆ แต่ไม่มีขีดความสามารถมากนัก และค่อยๆ ล้มลง

การล่มสลายของเปอร์เซียที่รัฐบาลวอชิงตันวาดหวังไว้ น่าจะเป็นการก่อกบฏจากภายในประเทศอิหร่านเอง ถ้าเป็นในอดีตมีความเป็นไปได้ยาก แต่ในเวลานี้ไม่แน่เสียแล้ว  สหรัฐฯ พยายามทำนองนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว ยุคก่อนหน้าการครองอำนาจของระบอบนักบวช อิหร่านเป็นประเทศประชาธิปไตยที่เจริญก้าวหน้าในตะวันออกกลาง ประชากรมีคุณภาพและหัวสมัยใหม่ เมื่อประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบ 360 องศา คนที่ต่อต้านระบอบเคร่งศาสนาเหล่านี้กระจายไปเป็นกำลังสำคัญให้ประเทศตะวันตก พวกรักเสรีที่อยู่ในประเทศนั้นก็ยังมีอยู่มาก พวกเขามักเลือกนักการเมืองที่นิยมประชาธิปไตยขึ้นบริหารประเทศ และก็ต้องหวานอมขมกลืนกับการที่ประธานาธิบดีของพวกเขาต้องขบผู้นำสูงสุดของระบอบนักบวชและพวกอนุรักษ์นิยมในกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐ สหรัฐฯ พยายามถือหางฝ่ายประชาธิปไตย แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงอิหร่าน จนกระทั่งถึงยุคนี้ ยุคที่ดูเหมือนว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมในอิหร่านกำลังมีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายประชาธิปไตย

ก็จริง แต่ประชาชนคนธรรมดาในอิหร่านชักจะไม่ทนอีกต่อไป

สหรัฐฯ คว่ำบาตรเศรษฐกิจอิหร่านมาหลายปี แต่ระหว่างนั้นก็ต่อรองกับฝ่ายประชาธิปไตยในอิหร่านไปด้วย อิหร่านจึงยังพอมีช่องให้หายใจ แต่นับตั้งแต่ Donald Trump ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ การกดดันมีความเข้มงวดจริงจังหนักหน่วงมากถึงขั้นบริษัทประเทศที่ 3 แทบไม่แตกแถวทำการค้าการลงทุนกับอิหร่านอีกเลย ผลกระทบตกกับประชาชนอย่างรุนแรง  ยิ่งฝ่ายอนุรักษ์นิยมแสดงอำนาจมากเพียงไร คนเหล่านี้ยิ่งไม่พอใจระบอบนักบวชอย่างรุนแรงเพียงนั้น สมัยก่อนก็ไม่กล้าต่อกรอำนาจรัฐ แต่ปัจจุบันกล้าออกมาก่อการประท้วงถึงขั้นจลาจลอย่างเปิดเผย เมื่อปลายปีที่แล้วรัฐปราบปรามผู้ประท้วงการขึ้นราคาเชื้อเพลิงอย่างรุนแรงไปครั้งนึง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในเดือนนี้ผู้ประท้วงยิ่งแค้นที่ทหารยิงพลาดไปโดนเครื่องบินพาณิชย์ทำให้มีประชาชนตายยกลำ การประท้วงภายในอย่างนี้เป็นเรื่องถนัดที่สหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงด้วยเงื่อนไขพิทักษ์มนุษยธรรม ถึงตอนนี้ยังเร็วไปที่จะบอกว่าจะมีการจัดตั้งกองกำลังกบฏต่อต้านระบอบนักบวชได้เมื่อไร แต่อิหร่านที่มีความเป็นชาตินิยมสูงจะต้องเปลี่ยนจากภายใน มิใช่ภายนอก สหรัฐฯ กำลังหวังให้คนอิหร่านที่รักชาติตะหนักว่า ศัตรูที่แท้จริงที่ขัดขวางความเจริญของอิหร่านจริงๆ นั้นมิใช่สหรัฐฯ และต่อต้านศัตรูนั้นอย่างแข็งขันยิ่งขึ้น โดยมีสหรัฐฯ คอยช่วยเหลือ และรอว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบในลิเบียและซีเรียขึ้นมา

ท้ายที่สุดถ้ากองทัพสหรัฐฯ ต้องลงสนามเอง สหรัฐฯ ปิดประตูแพ้แบบที่เคยเกิดขึ้นในเวียดนามแน่นอน นอกเหนือจากสงครามไซเบอร์และปฏิบัติการข่าวสารที่ถล่มอิหร่านจนน่วมตั้งแต่ยามปกติแล้ว อาวุธปล่อยอานุภาพทำลายล้างสูงสามารถทำลายเป้าหมายได้ชะงัด ถึงตอนกำลังภาคพื้นดินบุก พวกเขาก็ฝึกฝนยุทธวิธีรบในเมืองมาหลายปีแล้ว ถ้าต้องมีสงคราม อิหร่านจะกลายเป็นแบบอิรักหรือไม่ก็ซีเรีย สหรัฐฯ ก็จะยังคงอยู่อย่างมั่นคงในตะวันออกกลางต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น