พิษฝุ่นคะแนนนิยมดิ่ง! สะเทือนเก้าอี้ 'รองนายกฯ-รมต.-ผู้ว่าฯ'

สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รวมถึงทุกกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ว่าต้องรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด

"หากพบว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้วไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะพิจารณาความเหมาะสมในการทำงานของแต่ละคน เพราะรัฐบาลไม่เคยโทษ ประชาชน แต่ประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา.."

วานนี้ (3 ก.พ.) พ่อเมืองกรุงออกรับลูกนายกฯทันที พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกคำสั่งหยุดการก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2563 เนื่องจากข่วงนี้สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสภาพอากาศปิดอีกครั้งส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพิ่มขึ้น

แต่ดูเหมือนท่าทีวันนี้ (4 ก.พ.) ของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขู่จะปรับรองนายกฯ รัฐมนตรี และผู้ว่าราชการจังหวัด หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ ว่า ให้ทำไม่ได้เสียก่อน ซึ่งตอนนี้เราก็ทำไปตามขั้นตอน ส่วนที่ปริมาณฝุ่นเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่นั้น เกิดจากความกดอากาศต่ำทำให้ฝุ่นไม่กระจาย

ถามว่านายกฯ คาดโทษเช่นนี้จะทำให้ทุกคนกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร บอกว่าทุกคนมีความตั้งใจทำงานและมีความกระตือรือร้นอยู่แล้ว เพราะเราทำให้ประชาชน

แน่นอนว่า ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 รุมเร้าชาวกรุงอยู่เป็นระยะ ทำให้เกิดเสียงบ่นในโซเชียลมีเดียทุกครั้งที่ กทม. ติดอันดับท็อปเท็น เมืองอากาศแย่ที่สุดในโลก

เช้านี้ก็เช่นกัน สถานการณ์ฝุ่นพิษ กทม. อากาศแย่ ติดอันดับ 10 ของโลก

ไม่ใช่แค่ "คิดไปเอง" หรือ "มโน" เพราะทั้งหน่วยงานของ กทม. และหน่วยงานในกรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานสอดคล้องกันแทบทุกวัน

ยิ่งไปกว่านั้น ผลสำรวจของสำนักดัง ทั้ง นิด้าโพล และ สวนดุสิตโพล สะท้อนความรู้สึกของคนกรุงไปในทิศทางเดียวกัน

ผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การจัดการวิกฤตฝุ่นละออง” ของ นิด้าโพล (18 ม.ค.) ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.84 ระบุว่า ไม่ค่อยมี ประสิทธิภาพ เพราะหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังแก้ไขได้ไม่ตรงจุด ทำงานไม่จริงจัง ไม่ต่อเนื่อง ควรมีมาตรการอย่างจริงจังที่ เป็นรูปธรรมในการควบคุม เช่น การก่อสร้าง รถควันดำ หรือผู้ที่ก่อให้เกิดมลพิษ

และ ร้อยละ 36.22 ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพเลย เพราะการจัดการของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการตื่นตัว ไม่มีการเเก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม ไม่มีความชัดเจน ปัญหายังเดิมๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น งานก่อสร้างต่าง ๆ รถประจำทาง/รถส่วนตัวยังมีควันดำ

ราวๆ เกือบ 77% ของชาวกรุงที่ถูกสำรวจ สะท้อนว่ายังไม่พอใจ การแก้ปัญหาของ กทม.และรัฐบาล

ขณะที่ สวนดุสิตโพล ถามประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้มากน้อยเพียงใด (26 ม.ค.) พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.90 ไม่มั่นใจเลย เพราะไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน รัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้า กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ฯลฯ

และร้อยละ 40.70 ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะ ประชาชนต้องดูแลตัวเอง สถานการณ์ฝุ่นยังมีทุกพื้นที่ แก้ไขได้ยาก มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่น ฯลฯ

เหตุนี่เอง อาจเป็นที่มาของคำขู่ของ "นายกฯประยุทธ์" หรือไม่ หลังโพล 2 สำนักออกมาตรงกัน ซึ่งถ้าไม่มี "แอคชั่น" อะไรเลย ปล่อย ให้คนคุมนโยบาย รองนายกฯ รัฐมนตรี บิ๊กราชการ ลงไปจนถึงระดับปฏิบัติงาน อย่าง "เจ้าหน้าที่" ไม่ว่าจะเป็นในส่วนข้าราชการ กทม. และตำรวจ จะกวดขันแข็งขันขนาดไหน ถ้าทำจริงแล้วทำไมโพลจึงออกมาแตกต่าง?

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝุ่นพิษ คงลากยาวไปจนถึงหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ดังนั้น คำขู่ของ "นายกฯประยุทธ์" จึงเป็นสัญญาณที่ชัดขึ้นว่า "ปรับ ครม." อาจสะเทือนเก้าอี้ "รองนายกฯ, รมต. และผู้ว่าฯ"

เพราะต้องหาทาง "เยียวยา" ความรู้สึกประชาชนที่สะท้อนผ่านโพล รวมถึงกระแสโซเชียล แห่แท็ก #รัฐบาลเฮงซวย จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไม่เว้นแต่ละวัน.. ไม่งั้นอยู่ยากเมื่อความนิยมรัฐบาลตกต่ำถึงขีดสุด!!