10 คำทำนายในสิบปีข้างหน้า (ตอนที่ 3)

10 คำทำนายในสิบปีข้างหน้า (ตอนที่ 3)

สำหรับ 2 ภาคสุดท้ายของ 10 คำทำนายใน 10 ปีข้างหน้า ผู้เขียนขอจบด้วย 4 คำทำนายสำคัญ ที่มีผลต่อมวลมนุษยชาติในระยะยาว คือ สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี

  1. สิ่งแวดล้อม--มุ่งสู่ โลกที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutral world)”

ในปัจจุบัน อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยสูงกว่าเมื่อ 10,000 ปีก่อน (อารยธรรมของมนุษย์เริ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก) ประมาณ 1 องศาเซลเซียส โดยสาเหตุหลักเกิดจากมนุษย์ หันมาใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มาใช้ในการผลิตพลังงานมากขึ้น ทำให้เกิดปรากฎการณ์ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Effect)

1 องศาอาจดูไม่มาก แต่ก็ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนเกาะอังกฤษถูกตัดขาดจากยุโรป และอลาสก้าถูกตัดขาดจากเอเซีย และนำไปสู่ภาวะโลกร้อนและกระทบต่อภูมิอากาศโลกให้ปั่นป่วน (Extreme weather) ในปัจจุบัน

ณ ปี 2030 หากมนุษย์ยังคงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยระดับปัจจุบัน อุณหภูมิโลกจะขึ้นไปถึง 4 องศาฯ ซึ่งจะทำให้บ้านเรือนกว่า 600 ล้านหลัง รวมถึงเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ใกล้ทะเล เช่น เวนิส อัมสเตอร์ดัม ลอนดอน นิวยอร์ค รวมถึงกรุงเทพฯ จมใต้ทะเล

ผู้เขียนเชื่อว่าในครึ่งทศวรรษแรก โลกจะยังไม่คุมเข้มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างจริงจัง ทำให้อุณหภุมิอาจเพิ่มขึ้นอีก 0.5 องศาฯ ซึ่งจะทำให้ภูมิอากาศทั่วโลกปั่นป่วนมากกว่าปัจจุุบันจนในครึ่งทศวรรษหลัง จะมีการควบคุมอย่างจริงจัง พร้อมๆ กับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะควบคุมการปล่อยคาร์บอนได้ในระดับหนึ่ง

ปัจจุบันกว่า 40 รัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มออกนโยบายเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงผ่านการเก็บภาษีเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยตรง หรือใช้ Cap-and-trade program โดยมีปริมาณการค้าคาร์บอนหรือ carbon trading แล้วไม่ต่่ำกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2017

ใน 10 ปีข้างหน้า นอกจากการใช้ระบบตลาดเพื่อควบคุมการปล่อยคาร์บอนแล้ว นโยบายรัฐบาลทั่วโลกจะให้การสนับสนุนแหล่งพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งพลังงานมหาศาล โดยมีศักยภาพที่จะผลิตได้มากกว่าความต้องการมากกว่า 1,200 เท่า

นอกจากนั้น เราจะเห็นแนวนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม (Climate Action) มากขึ้น เช่น (1) สนับสนุนของที่ผลิตในประเทศ/ ในท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อลดการขนส่ง (2) นโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Circular economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น การตั้งเป้าสินค้าที่ผลิต/ใช้ จะต้องนำกลับมาผลิต/ใช้ใหม่ได้ 100% (renewable target) (3) กฎหมายสนับสนุนการค้าคาร์บอน เพื่อลดปริมาณภาคธุรกิจปล่อยก๊าซคาร์บอน (4) การห้ามผลิต/ห้ามใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป และ (5) การเก็บค่าธรรมเนียมรถเข้าในเขตเมือง เป็นต้น

  1. เทคโนโลยี- โลกก้าวไกล การผลิต/ ดำเนินชีวิตง่ายขึ้น แต่ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งมีมากขึ้น

ผู้ใดจะคาดคิดว่า เทคโนโลยีที่เพิ่งเป็นที่รู้จักไม่ถึง 20 ปีอย่างอินเทอร์เน็ต จะเป็นที่ใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยพลเมืองโลกกว่า 4.5 พันล้านคนสามารถเข้าถึง ณ ขณะนี้ (กว่า 60% ของประชากรโลก) และมีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อได้ถึง 3 หมื่นล้านเครื่องทั่วโลก ขณะที่มีจำนวนข้อมูลที่ถูกส่งถึงกว่า 57 Exabyte ทั่วโลกต่อเดือน (1 Exabyte = 1,000 Gigabyte)

ในอีก 10 ปีข้างหน้า อินเทอร์เน็ตจะเป็นสิ่งจำเป็น กว่า 90% ของคนบนโลกใบนี้จะเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ขณะที่จำนวนอุปกรณ์ และปริมาณข้อมูลที่ถูกส่งผ่าน จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 16 เท่าและ 77 เท่าตามลำดับ ซึ่งกลไกดังกล่าวถูกเรียกว่า Techechceleration หรือการเร่งตัวขึ้นของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต

แต่ความก้าวหน้า จะนำมาซึ่งวิกฤตและโอกาส โดยในประเด็นวิกฤต จะเกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่หุ่นยนต์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและคิดได้ด้วยตนเอง (AI) จะเข้ามาทดแทนงานประจำของมนุษย์กว่า 50% ในอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้งานที่มนุษย์จะสามารถทำอยู่ได้นั้น จะต้องอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะทางมากขึ้น ทำให้งานทั่วไปมีจำนวนลดลง รวมถึงทำให้รายได้ระหว่างผู้ที่ทำงานเฉพาะทาง และสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ กับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านั้นแตกต่างกันมาก

ในประเด็นของโอกาส Techechceleration จะทำให้เศรษฐกิจโลกผันไปเป็น Internet economy มากขึ้น โดยในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉลี่ยมนุษย์จะมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องมือสื่อสารทุกๆ 18 วินาทีต่อครั้ง ต่างจาก 6.5 นาทีต่อครั้งในปัจจุบัน บริการใหม่ๆ จะเป็นที่นิยมในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น เลขาส่วนตัวบนมือถือ e-commerce การส่งของในวันเดียว เป็นต้น

ในขณะที่ภาคการผลิตก็จะก้าวหน้ามากขึ้นขณะที่ต้นทุนลดลง โดยบริการเช่น Crowd computing และ 3D Printing ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีระบบ Database ขนาดใหญ่ รวมถึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ในการผลิตสินค้าจำนวนน้อยชิ้น ในขณะที่บริการทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อย ก็จะผันไปสู่ Digital Banking รวมถึง Fintech มากขึ้น

นอกจากนั้น ใน 10 ปีข้างหน้า แนวโน้มของธุรกิจจะเป็น ประสบการณ์นิยม” (Experiencerism) แทนที่จะเน้นวัตถุนิยม (Materialism) เช่นสมัยก่อน โดยมีประมาณการว่าสิ่งของมูลค่ากว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกหรือ 80% ของสินค้าคงทน/กึ่งคงทนได้รับการใช้น้อยกว่า 20% ต่อเดือน ทำให้แนวโน้มที่ผู้คนจะซื้อสินค้าจะลดลง แต่จะใช้บริการเช่าเป็นครั้งคราวมากขึ้น อันจะนำไปสู่สังคมแบ่งปัน (Sharing Economy)

และนี่คืออีก 2 คำทำนายของโลกในทศวรรษใหม่นี้ ส่วนอีก 2 คำทำนายที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรและสงครามจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนจบในฉบับหน้า

อ่านบทความ "10 คำทำนายในสิบปีข้างหน้า" ย้อนหลัง

ตอนที่ 1 : https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/649073

ตอนที่ 2 : https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/649173

[บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่]