ความเสี่ยงปรับลดประมาณการบริษัทจดทะเบียนไทย

ความเสี่ยงปรับลดประมาณการบริษัทจดทะเบียนไทย

ปัจจัยลบหลายประการอาจส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ปรับลดประมาณการกำไรบจ.

ขณะนี้มีปัจจัยลบหลายประการที่อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์จำเป็นต้องทำการปรับลดประมาณการกำไรขอบริษัทจดทะเบียนไทยปี 2563 ลง โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่ขณะนี้มีปัจจัยลบหลายประการที่อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงที่นักวิเคราะห์จำเป็นต้องทำการปรับลดประมาณการกำไรขอบริษัทจดทะเบียนไทยปี 2563 ลง โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่

1) การระบาดของไวรัสโคโรนา (สายพันธุ์ใหม่) ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย (สัดส่วนราว 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย) ซึ่งหากอ้างอิงข้อมูลสถิติในอดีต จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยยังไม่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญทันที่ที่เกิดพบการระบาดของโรคซาร์ส เมื่อเดือน พ.ย. 2545 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวได้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญเฉลี่ยราว -30% YoY ต่อเดือน หลังจากที่ WHO ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคซาร์สเมื่อเดือน มี.ค.2546 ก่อนที่จะสามารถคุมสถานการณ์การระบาดของโรคได้ในเดือน ก.ค.2546 จำนวนนักท่องที่เดินทางเข้าไทยจึงเริ่มฟื้นตัวได้ในเดือน ส.ค 2546 ดังนั้นสำหรับกรณีไวรัสโคโรนา (สายพันธุ์ใหม่) เราประเมินว่าอาจจะยังต้องจับตาดูสถานการณ์ต่ออีกระยะ เนื่องจากในช่วงต้นของการค้นพบโรคอาจจะยังไม่เห็นผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย

2) ความล่าช้าของเม็ดเงินลงทุนภาครัฐฯ ที่เกิดจากปัญหาการลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ซึ่งคาดว่าต้องรอผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาครัฐฯไม่สามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ได้ กระทบต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาลผ่านการลงทุนภาครัฐฯ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะในพื้นที่โครงการอีอีซี

3) ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ ที่ล่าสุดเริ่มมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมากกว่าคาด หลังจากสำนักงาน IEA แถลงว่าอุปทานน้ำมันส่วนเกินอาจเพิ่มขึ้นแตะ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และยังต้องจับตาดูแผนการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก หลังจากที่มีการลดกำลังการผลิตไปแล้ว และจะครบกำหนดแผนดังกล่าว สิ้นเดือน มี.ค.2563 ซึ่งถ้าไม่มีการปรับแผนกำลังการผลิตอีก อาจทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบมีโอกาสที่จะปรับตัวลง และกระทบต่อแนวโน้มประมาณการกำไรปี 2563 ของหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันประเด็นเรื่องการที่ประเทศจีนประกาศยกเลิกการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในสิ้นปี 2563 สำหรับเมืองใหญ่ และภายในปี 2565 สำหรับเมืองรองยิ่งเป็นการตอกย้ำวัฏจักรขาลงของปิโตรเคมี ที่เกิดภาวะอุปทานล้นตลาดตั้งแต่ปลายปี 2562 ที่ผ่านมา

4) ปัญหาภัยแล้ง ที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 แม้ว่าสถานการณ์สินค้าเกษตรภาคใต้อย่างปาล์มน้ำมันจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และได้อานิสงส์จากนโยบายภาครัฐฯ (ไบโอดีเซล บี10) แต่จำนวนเกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออกเฉียงเหนือคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งโดยตรง จึงทำให้คาดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวมมีโอกาสที่จะลดลง 

จากปัจจัยเสี่ยงข้างต้นเราประเมินว่ามีความเสี่ยงที่นักลงทุนจะทำการปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 ลงจากปัจจุบันที่ราว 100 บาท/หุ้น ดัชนี SET index จะมี PE 15.7 เท่า (ข้อมูลจาก Bloomberg consensus ราคาปิดวันที่ 23 ม.ค.2563) ในกรณีมีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 ของหุ้นกลุ่มหลักๆ อาทิ หุ้นกลุ่มพลังงาน, หุ้นกลุ่มค้าปลีก, และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ลง จะทำให้ PE ชองดัชนี SET index เร่งตัวขึ้น และ Upside ของดัชนี SET index

สำหรับการลงทุนในปี 2563 น้อยลงไปอีกนั้นเอง เราจึงประเมินว่าดัชนี SET index จะแกว่งตัว Sideway และนักลงทุนมีโอกาสที่จะทำการเปลี่ยนกลุ่มเล่นไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive และ/หรือหุ้นปันผลสูง อาทิ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสาร เช่นที่เกิดขึ้นในปี 2562 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดีสำหรับการลงทุนระยะสั้น เราประเมินว่าอาจเป็นโอกาสในการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและนิคมอุตสาหกรรม ที่คาดว่าปัจจัยลบเรื่อง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 ในขณะนี้เป็นปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นใน 2 กลุ่มนี้จะรีบาวด์เมื่อความชัดเจน ภายหลังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวนั้น อาจยังต้อง Wait&See รอพิจารณาสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (สายพันธุ์ใหม่) เนื่องจากข้อมูลสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า ในช่วงต้นของการค้นพบโรคนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อมีการแพร่ระบาดลุกลามในวงกว้าง แต่เชื่อว่าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเช่นกัน จึงอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมีความชัดเจนกว่านี้