วิธีการบริหารทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต

วิธีการบริหารทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่คุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ วันนี้ผมมีคำถามมาถามคุณผู้อ่านเล่นๆครับ

ว่าคุณผู้อ่านทุกท่านคิดว่าอะไรคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในชีวิต? บางคนอาจจะตอบว่าคือบ้านหลังใหญ่ รถยนต์คันสวย นาฬิการาคาแพงๆ หรือบางคนอาจจะตอบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าสำหรับเขาเลย แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา คือ ครอบครัวต่างหาก แต่ไม่ว่าใครจะตอบอะไรก็ถือว่าเป็นคำตอบที่ถูกทั้งนั้นละครับ แต่ผมอยากจะชวนให้คิดครับ ไม่ว่าคุณจะมี รถยนต์คันหรู บ้านหลังใหญ่ หรือครอบครัวแสนอบอุ่น ลูกๆแสนน่ารักอย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณขาดไม่ได้เลย คือ เวลา เวลาที่คุณจะใช้อยู่ในบ้านหลังใหญ่ เวลาที่จะอยู่กับครอบครัวที่แสนรักของคุณ เพราะเวลาเป็นทรัพย์สินที่พระเจ้าประทานให้กับมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น วันนี้ผมจึงอยากชวนผู้อ่านทุกท่านมาบริหาร เวลา อย่างมีคุณภาพกันครับ

ย้อนกลับไปสมัยเริ่มต้นชีวิตการทำงาน มีผู้ใหญ่สอนผมว่า เวลาของคนทุกคนมี 24 ชั่วโมง เหมือนกัน แต่คนที่ประสบความสำเร็จจะจัดการบริหารเวลาได้ดีกว่าคนทั่วไป ทฤษฎีการบริการเวลา มันฟังดูง่ายมากๆครับ คือ ทำในสิ่งที่มีคุณค่าสูงที่สุด และทำให้สำเร็จโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุดฟังดูง่ายมาก แต่ทำจริงๆทำอย่างไรละ? วิธีการคงมีเป็นล้านวิธี แต่วันนี้ผมขออนุญาตแชร์ แนวคิดที่ผมทำนะครับ ผมเป็นคนนึงที่คิดคิดเสมอว่าผมจะเสียเวลาบนท้องถนนให้น้อยที่สุด ด้วยการจรารของประเทศไทยแล้ว หลายๆคน อาจจะต้องติดอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานานๆในแต่ละวัน ซึ่งผมมองว่า สิ่งเหล่านี้คือค่าเสียโอกาสในชีวิตของเราอย่างมาก ดังนั้นจะจัดตารางเวลาอย่างดีในแต่ละวัน ผมจะวางแผนเสมอว่าในแต่ละวันนั้นผมต้องทำอะไร ไปที่ไหนบ้าง และ ผมจะวางแผนการเดินทางอย่างดี จัดตารางการนัดหมายให้เป็นในเส้นทางเดียวกัน  จะได้ไม่ต้องเผชิญรถติด และเสียเวลาในการวนไปวนมา  ในตอนแรกที่ผมยังขับรถเอง ผมจดจำเส้นทางทุกอย่างอย่างดี  ผมทราบแม้กระทั่งว่าถ้าออกถนนเส้นนี้  ผมควรอยู่ในเลนส์ไหน หรือเส้นทางนี้ ควรเข้าซอยเพื่อย่นเวลา รวมไปถึงการจ่ายเงินขึ้นทางด่วนด้วย บางคนอาจคิดว่า เสียเงิน 50 บาท ไม่คุ้มค่ากับการเดินทาง แต่ผมอยากบอกว่า การที่เราต้องติดอยู่เป็นเวลานาน เราก็สูญเสียค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมรถไปเช่นเดียวกันครับ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี Application ที่ช่วยเราในการดูเส้นทาง และเวลาได้ ยิ่งทำให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ดียิ่งขึ้นครับ

บางท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ก็อาจจะยังมีคำถามในใจว่าก็เรามีเวลาที่พระเจ้าให้ 24 ชั่วโมงเท่ากัน ให้ประหยัดเวลาการเดินทาง ก็อาจจะได้เวลาเพิ่มมาอีกนิดหน่อย เพราะเวลาที่เหลือ คนเราก็ต้องใช้ไปกับทานข้าว ใช้ไปกับเวลานอน เวลาทำงานไปเหมือนกันหมด ผมมีทริกเล็กๆอยากแชร์ให้ผู้อ่านฟังครับ ถ้าเราแบ่งเวลาการทำงาน การเดินทาง การกิน การนอนไปแล้ว คนเราจะเหลือเวลาเฉลี่ยประมาณ  4-5 ชั่วโมง ที่ยังเหลือไว้ทำอะไรบางอย่างได้ บางคนอาจเลือกเวลานี้ในการไปช้อปปิ้ง เสริมสวย บางคนอาจเลือกเวลานี้ในการดูหนัง  บางคนอาจนำเวลานี้ไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความรู้  ผมเป็นคนนึงครับ ที่ใช้เวลานี้ในการพบปะผู้คน ผมเชื่อว่า การที่เราได้พูดคุยกับคนอื่นเราจะได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น ผมจึงเป็นคนที่ชอบไปเรียนรู้จักคนอื่น ไปทานอาหารกับผู้อื่น เพราะบางครั้งกว่าเราจะได้เรียนรู้เรื่องราวๆหนึ่ง เราอาจจะต้องไปอ่าน ไปลองผิดลองถูกในการทำ แต่ถ้าเราได้นั่งพูดคุยกับผู้อื่น ผู้ที่เค้ามีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในเรื่องนั่นแล้ว มันคือการย่อเวลาในการเรียนรู้ของเราไปได้อย่างมากเลยครับ เสมือนว่ามีคนไปค้นมาให้ แล้วเราแค่คว้ามันมา แล้วนำมา apply  ต่อ แค่นี้ ก็ทำให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้นในทุกๆวันแล้วหล่ะครับ

สุดท้ายปีใหม่นี้ผมอยากจะเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่าน ลองคิดเรื่องราวในชีวิตของทุกท่าน ว่าทำอย่างไรให้ทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จในเวลาที่น้อยลง และปลายปี2563 เรามาดูผลลัพธ์ในชีวิตกันครับ ว่าชีวิตเราได้ทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นหรือไม่ มีคุณภาพดีขึ้นหรือไม่ อย่าปล่อยให้ทรัพย์สินที่ค่าที่สุด ถูกใช้อย่างไร้ค่า เพราะสุดท้ายมีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อเวลาเพิ่มขึ้นได้สักวินาที ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีช่วงเวลาแห่งความสุขในปี 2563 นี้ครับ