แผ่นเล็กเล็กที่เรียกว่า... หวย

แผ่นเล็กเล็กที่เรียกว่า... หวย

“วันนี้รวย วันนี้รวย” เป็นประโยคคุ้นหูที่พวกเราได้ยินกันทุกเดือน จนกล่าวได้ว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่เรียกว่า “หวยบนดิน”

หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่เชื่อหรือไม่ว่า แทบทุกคนที่รู้จักสลากกินแบ่งรัฐบาลก็รู้จักแบบผิวเผินเท่านั้น คือเข้าทำนอง “รู้หน้า ไม่รู้ใจ (ตัวตนที่แท้จริง)” ของมันเลย ถ้าใครไม่เชื่อ ก็มาลองพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและนัยเชิงนโยบายที่จะได้ไปพร้อมกับผมได้ดังนี้

ประเด็นแรกเรื่องประเภทสินค้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล” สลากกินแบ่งไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อตัวสลากกินแบ่งเพื่อเอาไปติดข้างฝาแทนวอลล์เปเปอร์ แต่คนทั่วไปซื้อสลากกินแบ่งเพราะมันเป็น “สินทรัพย์เสี่ยง” ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนการลงทุนเป็นเงินรางวัลทั้งใหญ่และเล็กมากกว่า จนมีคำกล่าวติดปากว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น แต่ประเด็นที่น่าฉงนใจมากกว่านั้นก็คือว่าทำไมคนที่มีเหตุมีผลจำนวนมากเหล่านั้น จึงยังคงพากันซื้อหวยบนดินทั้งๆ ที่มันเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนเลย (พิจารณาจากหลักความน่าจะเป็น) คำอธิบายในส่วนนี้มีได้หลากหลายมากมาย เช่น คนซื้อฉลากกินแบ่งก็เพื่อความสนุกเล็กๆ น้อย ๆ จากการได้ลุ้นรางวัลไปจนถึงว่า คนต้องการซื้อความฝันในแต่ละเดือนเพื่อให้มีกำลังใจในการต่อสู้กับชีวิตที่ยากลำบากต่อไป เป็นต้น ซึ่งก็คงมีคนบางส่วนที่เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่คำอธิบายที่น่าจะใช้ได้ดีกับคนส่วนใหญ่ที่ดูมีเหตุมีผลมากกว่าก็คือ เป็นเพราะผลกระทบจากโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีความเชื่อแบบผิดๆ ว่า “ตนเองมีโอกาสจะถูกรางวัลได้มากกว่าคนอื่น” นั่นเอง ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็เช่นกิจกรรมจำพวกการใบ้หวยมากมาย ที่ทำให้คนจำนวนมากพากันเชื่อว่างวดนี้ตนเองได้เลขเด็ดที่มีโอกาสถูกรางวัลได้มากกว่าปกติ (คือมากกว่าในกรณีที่คำนวณตามหลักความน่าจะเป็น) หรือการโฆษณาซ้ำๆ เพื่อตอกย้ำเรื่องผู้ที่ถูกรางวัลใหญ่หรือผู้ที่ถูกรางวัลบ่อย เพื่อให้เกิดพฤติกรรมอยากเลียนแบบ (แต่ไม่พูดถึงคนที่ไม่ถูกรางวัล ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่) เป็นต้น

ประเด็นที่สอง เรื่องราคาของสลากกินแบ่งรัฐบาล คนทั่วไปซึ่งรวมถึงรัฐบาลด้วย มักเข้าใจว่า ราคาของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แท้จริงก็คือราคาใบละ 80 บาทตามที่ทางการกำหนด รัฐบาลถึงได้มีนโยบายแก้ปัญหาผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาโดยการนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปล้อมจับ ซึ่งก็มักไม่ได้ผลในที่สุด อันที่จริงแล้ว ราคาที่รัฐบาลกำหนดนั้นเป็นเพียงราคาที่เป็นตัวเงินเท่านั้น แต่ตัวผู้ซื้อนั้นจะพิจารณาจากราคาที่แท้จริงที่เกี่ยวข้องกับโอกาสที่เขาคาดว่าจะถูกรางวัลมากกว่าเขาจึงไม่ได้ดูเฉพาะราคาที่เป็นตัวเงิน (เพราะผู้ซื้อไม่ได้ต้องการซื้อสลากกินแบ่งเพื่อใช้เป็นกระดาษติดข้างฝา) ดังนั้นราคาที่แท้จริงของชุดตัวเลขสลากกินแบ่งที่มีคนเชื่อว่าจะมีโอกาสถูกรางวัลมาก (ซึ่งเกิดจากผลของโฆษณาชวนเชื่อ) ก็จะมีผู้ซื้อแย่งกันซื้อชุดเลขเหล่านั้นมากและยินดีจ่ายเพิ่มในราคาสูงกว่าราคาที่เป็นตัวเงิน คำถามที่รัฐบาลมักถามต่อก็คือ ถ้าอย่างนั้นแล้ว เราก็ออกหวยออนไลน์เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาดีไหม คำตอบคือ“ไม่ดี” เพราะหากดูจากประสบการณ์ในต่างประเทศที่มีการออกหวยออนไลน์เพิ่ม เช่น Lotto หรืออื่นๆ ก็ปรากฏว่าไม่ได้ทำให้ความต้องการซื้อสลากกินแบ่งประเภทอื่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า “หวยออนไลน์นั้นไม่ใช่สินค้าที่ใช้ทดแทนสลากกินแบ่งแบบเดิม”นั่นเอง (และสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ไม่ใช่สินค้าทดแทนของการพนันที่ผิดกฎหมายแบบอื่นด้วย)คือยิ่งหวยบนดินมีหลากหลายประเภทมากขึ้น ลูกค้าที่คิดจะเล่นอยู่แล้วก็จะยังคงซื้อหวยเกือบทุกประเภทกันอยู่ดี ปัญหาเดิมเรื่องราคาที่แท้จริงของชุดเลขบางชุดที่สูงกว่าราคาทางการของสลากกินแบ่งแบบเดิม ก็จะยังคงตามมาหลอกหลอนเราอยู่อีกเหมือนเดิม ส่วนข้ออ้างที่ว่าหากออกหวยออนไลน์ได้แล้ว รัฐก็จะเลิกการออกสลากกินแบ่งแบบเดิมไป ก็คงเป็นเรื่องที่ยากเพราะโครงการอื่นของรัฐก็ยังมีแรงจูงใจที่จะหารายได้แบบนี้อยู่อีกตัวอย่างเช่นโครงการจัดซื้อหมอนยางพาราเป็นต้น

ประเด็นที่สามคือ เรื่องนโยบายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ถ้าเราต้องการแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เราก็ต้องแก้ที่สาเหตุของปัญหาก่อน กล่าวคือ รัฐควรต้องเลิกความคิดเรื่องการหารายได้จากการออกสลากกินแบ่ง แล้วหันไปเน้นการหารายได้จากภาษีที่เก็บได้จากกิจกรรมที่ช่วยสร้างสรรค์เศรษฐกิจแบบใหม่ในยุค Thailand 4.0 แทนจะดีกว่า ซึ่งวิธีการก็ทำได้ไม่ยากโดยเริ่มจากการยกเลิกข้อกฎหมายที่ระบุว่า รัฐจะต้องได้รายได้ส่วนเกินจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วยเสมอหลังจากนั้นแล้ว เราก็นำเงินส่วนที่ได้เป็นกำไรทั้งหมดนี้ใส่กลับคืนไปเพื่อแจกจ่ายเป็นเงินรางวัลให้กับผู้ซื้อสลากกินแบ่งที่โชคดีแทนดังนั้น การยกเลิกข้อกำหนดนี้จะช่วยให้รัฐบาลไม่ถูกกล่าวหาว่าใช้สลากกินแบ่งมามอมเมาประชาชนอีก เพราะรัฐไม่ได้รับรายได้จากกิจกรรมนี้อีกต่อไป แรงจูงใจในการออกสลากกินแบ่งของรัฐบาลแบบถี่ ๆ ก็จะมีน้อยลงด้วย ทำให้เราไม่ต้องมาถกเถียงกันเรื่องความเหมาะสมอื่นๆ อย่างเช่นกรณีของการออกสลากการกุศลเพื่อซื้อหมอนยางพารา1.8 หมื่นล้านบาท เป็นต้นประชาชนที่ซื้อสลากกินแบ่งเพราะอยากได้ความสุขจากการลุ้นรางวัล ก็จะมีความสุขกันมากขึ้นเพราะมีโอกาสถูกรางวัลได้มากขึ้นเนื่องจากรัฐบาลไม่หักรายได้ไปเป็นรายได้ของรัฐแทนอีก นอกจากนี้ รัฐบาลก็ไม่มีแรงจูงใจในการตั้งรางวัลใหญ่ ๆ เพื่อหวังทำเป้ายอดขายอีกต่อไป สลากกินแบ่งรัฐบาลก็จะมีรางวัลเป็นรางวัลเล็ก ๆ แต่มีจำนวนมากแทนจำนวนคนซื้อที่ถูกรางวัลกันก็จะมีมากขึ้น (ทำให้การซื้อมากซื้อน้อย โดยเฉลี่ยแล้วไม่มีผลต่างกันมากนัก)ผู้คนทั่วไปก็จะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการค้นหาเลขเด็ดจากโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ เหมือนเคยทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีเวลาสนใจเรื่องการทำมาหากินกันมากขึ้นสรุปแล้วทุกฝ่ายก็จะได้ประโยชน์มากขึ้นและถ้วนหน้าด้วยวิธีการแก้ปัญหาที่รอบด้านแบบนี้แล้วเรายังจะเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบแยกส่วน แล้วก็ล้มเหลวมาโดยตลอดแบบเดิม ๆ กันต่อไปอีกทำไม