เข้าใจให้ถูกต้องชีวิตจะไม่มีปัญหา

เข้าใจให้ถูกต้องชีวิตจะไม่มีปัญหา

ผู้เขียนได้เห็นข้อความแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ในโซเชียลมีเดียในบางเรื่องแล้วไม่ค่อยสบายใจ

 เพราะเห็นว่ายังมีความเข้าใจผิดอันอาจนำไปสู่ปัญหาได้ เมื่อเป็นวาระปีใหม่จึงน่าจะเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจากแง่มุมของผู้เขียน ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนได้เคยกล่าวถึงไว้ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว

คำพูดบางประโยคอาจดูดี แต่ถ้าใครขาดปัญญาไตร่ตรองและทำตามอย่างจริงจังแล้วอาจเข้ารกเข้าพงไปได้ มหาตมะ คานธี เขียนไว้ว่า จงใช้ชีวิตราวกับว่าเป็นวันสุดท้ายของชีวิต

ถ้าเชื่อประโยคนี้ก็ไม่ต้องแปรงฟัน ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องไปทำงาน ไม่ต้องกินยา ไม่ต้องออมเงิน มีเงินเท่าใดก็ใช้ให้หมดเพราะพรุ่งนี้ก็ตายแล้ว

คำพูดฟังดูแล้วสุดเก๋ แต่เมื่อพิจารณาจริงๆ แล้วมันปฏิบัติไม่ได้ มหาตมะคานธี มิได้หมายความตามตัวหนังสือ หากเตือนให้เตรียมตัวอยู่เสมออย่างไม่ประมาท เพราะคนเราจะตายเมื่อใดก็ไม่รู้

ผู้เขียนได้ยินบางประโยคแล้วรู้สึกตกใจ เช่น “ผมก็เป็นคนดีในบางเรื่องและเลวในบางเรื่องเหมือนคนทั่วไป” สิ่งที่น่าหวาดหวั่นก็คือไม่รู้ว่าเขาคิดจะเป็นคนเลวเรื่องอะไรและดีเรื่องอะไร เพราะความเลวมันมีหลายระดับและก่อให้เกิดผลเสียด้วยความรุนแรงที่ไม่เหมือนกัน ประการสำคัญก็คือแต่ละคนมีระดับความคิดและประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกัน บางคนอาจเห็นว่าการหลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่น หรือการทุจริตในหน้าที่ในบางครั้งเป็นความเลวเพียงเล็กน้อย ส่วนความดีคือการจูงเด็กข้ามถนน

อีกคนอาจเห็นว่าความเลวเพียงเล็กน้อยคือการฆ่าคนตามใบสั่ง ส่วนความดีคือการไม่รังแกและเบียดเบียนคนที่อ่อนแอกว่า คำจำกัดความที่ไม่เหมือนกันของคนเพียงสองคนก็ทำให้โลกยุ่งเหยิงและเกิดความเสียหายในระดับที่ต่างกันได้แล้ว

ผู้เขียนอยากบอกเขาว่าเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้วต้องเป็นคนดีตลอดเวลา มีธรรมประจำใจ ส่วนที่บอกว่าเลวได้บ้างเหมือนคนทั่วไปนั้นหมายถึงการกระทำบางเรื่องที่ไม่ขัดกับหลักธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ตั้งใจ เช่น ขับรถอย่างขาดน้ำใจ ขัดใจพ่อแม่ในบางเรื่อง ระเบิดอารมณ์กับคนในครอบครัว ฯลฯ ข้อความนี้มิใช่ใบอนุญาตให้ทำความชั่วได้ในบางครั้งและทำดีในเวลาอื่น

ความชั่วกับความดีหักลบกันไม่ได้ ดังเช่นบาปกับบุญ ถ้ามันหักกันเป็นรายการในบัญชีได้แล้ว โลกจะปั่นป่วนมาก เช่น การฆ่าคนอื่นแล้วอุปการะลูกเขาตลอดชีวิต เบียดบังหลวงแล้วเอาเงินส่วนหนึ่งมาทำบุญ ฯลฯ

ส่วนคำพูดที่ว่า “ต้องซื้อของมีราคาให้ตัวเองเป็นรางวัล มีรากมาจากตะวันตก แต่คนเหล่านี้เขามีวัฒนธรรมการใช้เงินมาก่อนพวกเรา เขารวยและเรียนรู้มาก่อนเรา 100-200 ปี การซื้อของดีๆ ให้ตัวเขาเองจึงอยู่ในขอบเขตที่ไม่ทำให้เขาเสียฐานในการออมเงินจนเดือดร้อนในอนาคต แต่สำหรับคนไทยเราซึ่งส่วนใหญ่ใช้เงินยังไม่เป็น หากเชื่อประโยคนี้ก็จะเป็นหนี้หนักมือขึ้น

คนที่ กินอยู่เกินฐานะ คือพวกใช้เงินไม่เป็น ถ้าจะใช้เงินเป็นแล้วต้อง “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” ซึ่งหมายถึงว่าสามารถกินอยู่ตามฐานะการเงินที่ตัวเองมีได้ แต่ก็ไม่ใช้จ่ายขนาดนั้น ดังนั้นจึงมีเงินเหลือเก็บ ในทางตรงกันข้ามถ้า “กินอยู่เกินฐานะ” ก็หมายถึงว่าต้องหาส่วนที่ขาดไปเพราะมีเงินไม่พอด้วยการเป็นหนี้ คนไทยที่ให้รางวัลตัวเองด้วยของดีราคาแพงจึงมีโอกาสอยู่ในประเภทหลังนี้มาก

การให้รางวัลตัวเองไม่จำเป็นต้องเป็นของดีมีราคา การไม่ใช้จ่ายเงินซื้อของเหล่านี้สำหรับบางคนในบางฐานะแล้วอาจเป็นรางวัลให้ตัวเองด้วยซ้ำ กล่าวคือเมื่อไม่เป็นหนี้ก็ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยจนทำให้ของมีราคาสูงขึ้น และเมื่อไม่ซื้อเงินที่อาจใช้ซื้อนั้นก็กลายเป็นเงินออมอันนำมาซึ่งการลงทุนและการได้รับผลตอบแทนในอนาคตโดยไม่ต้องทำงาน

อีกประโยคหนึ่งก็คือ ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าหมายถึงทำทั้งความดีและความชั่วปนกันไปได้เพราะเป็นเรื่องของชีวิตมนุษย์ แต่ในความหมายที่แท้จริงนั้นหมายถึงความไม่แน่นอนของชีวิต ถึงแม้จะทุกข์แสนสาหัสแต่ก็สามารถกลับมามีความสุขได้ และถึงแม้จะตกต่ำแต่ก็สามารถกลับมารุ่งเรืองได้อีกอย่างอาจสลับกันไปมาได้ในอนาคต

สุภาษิตไทยบทนี้มิได้สร้างความชอบธรรมให้แก่การกระทำความชั่วและความดีสลับกันแต่ประการใด ดังกล่าวแล้วความชั่วและความดีหักลบกันไม่ได้ ความชั่วนำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว ส่วนความดีนั้นรังแต่จะทำให้เกิดความสุข ความภาคภูมิใจ และความสงบราบรื่น สองสุดโต่งนี้ผสมปนเปกันไม่ได้อย่างไร ความดีกับความชั่วก็ปนกันไม่ได้ฉันนั้น

ประโยคเหล่านี้ซึ่งมีมานานแล้ว มีการตีความแปรเปลี่ยนไปตามบริบทของสังคมในยุคนั้นๆ ในปัจจุบันความสับสนในเรื่องว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดเกิดขึ้นตลอดเวลา และการตีความว่าความดีและความชั่วไปด้วยกันได้เพื่อความสะดวกในการดำเนินชีวิตนั้นทำให้ความหมายที่แท้จริงผิดเพี้ยนไป

สังคมต้องช่วยกันประคับประคองคนรุ่นใหม่ให้ดำเนินชีวิตไปได้อย่างราบรื่น ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่สับสนและซับซ้อน สิ่งสำคัญที่สามารถช่วยได้ก็คือการสร้างความเข้าใจความหมายของประโยคเหล่านี้อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง