ใฝ่ฝันให้ถูกเรื่อง

ใฝ่ฝันให้ถูกเรื่อง

แทบทุกคนเคยมีความใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งฉันจะได้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พร้อมๆ กับที่บางคนก้มหน้าก้มตาทำงานไปแต่ละวัน

โดยปราศจากความใฝ่ฝันใดๆ ในหน้าที่การงานเข้าทำนองว่า แข่งอะไรก็แข่งได้ยกเว้นแข่งวาสนา ความใฝ่ฝันจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการก้าวเดินไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในชีวิต การงานถ้าไม่มีฝันวันนี้ วันหน้าจะเหมือนเดิมตลอด แต่ถ้าฝันในสิ่งที่แม้แต่ตัวเราเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมตัวเราควรจะได้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ความฝันนั้นก็จะเป็นแค่วิมานในอากาศ มีโอกาสที่จะเป็นจริงได้น้อยมาก ไม่ใฝ่ฝันก็ไม่มีแรงใจให้บากบั่นไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ใฝ่ฝันแบบวิมานในอากาศก็ยิ่งทำให้หมดแรงใจที่จะไปถึงเส้นชัย

ถ้าต้องการให้ชีวิตการงานในอนาคตดีขึ้น ให้เริ่มจากการมองดูตัวตนของเราให้รู้ก่อนว่า เราเหมาะสมกับการงานที่ทำอยู่ในวันนี้หรือไม่ ซึ่งดูไม่ยาก แค่ถามตัวเองว่าวันนี้เราทนอยู่กับการงาน หรือสนุกสนานกับการงานที่ทำ ก็ได้คำตอบแล้วว่างานวันนี้ทำให้เราทุกข์หรือสุข ถ้าทุกข์ คือ ต้องทนทำเพื่อหากินไปก่อน ถามตนเองว่าต้องทนมากแค่ไหน ถ้าทุกวันนี้ทนอย่างหนักแล้วความใฝ่ฝันคงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ต้องตัดสินใจแล้วว่า จะทนอยู่ต่อไปหรือย้ายไปที่อื่น แต่ถ้าวันนี้ยังไปไหนไม่ได้ ทางเลือกแรกคือ ทำให้ตนเองเก่งขึ้นในงานเดิมเพื่อให้งานง่ายขึ้นจะได้ไม่ต้องทนมากเท่าเดิม Upskill กันสักหน่อย คนทั้งคณะเขาร้องเพลงเก่ง กินเลี้ยงครั้งใดต้องขึ้นเวทีโชว์เสียงกันเป็นประจำตัว เราร้องไม่ค่อยเป็นต้องทน ทุกครั้งที่มีงานนายใหญ่ก็สนุกสนานกับการขึ้นเวที อยากอยู่แบบไม่ต้องทนก็ไป Upskill การร้องเพลงสักหน่อย ทางเลือกที่สองคือเปลี่ยนความเก่งไปเลยReskillกันใหม่ ร้องเพลงบนเวทีตามนายใหญ่ไม่ได้ ก็หัดเล่นดนตรีสักอย่าง ขึ้นเวทีเมื่อไหร่ก็โซโลโชว์เดียวด้วยเครื่องดนตรีนั้น จะได้ไม่ต้องทนอยู่กับนายใหญ่ที่ชอบร้องรำทำเพลง ซึ่งตัวอย่างที่กล่าวมานี้ น่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่จะทำให้คนทำงานต้องทน แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อยแบบนี้แหละที่ทำให้บางคนก้าวไกลในการงานมามากต่อมากแล้วคือ มีสุขในการทำอะไรก็ตามที่ถูกอกถูกใจนายใหญ่

ถ้าได้คำตอบว่าการงานวันนี้ฉันมีความสุขดี ไม่ต้องทนกับเรื่องอะไร จะมีทนบ้างก็เป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่ไม่ใช่สาระสำคัญของการงาน ถ้าเป็นแบบนี้ให้ดูต่อว่า ความใฝ่ฝันนั้นเหมาะสมหรือไม่ โดยหาได้จากคำถามว่าทำไมฉันควรจะได้เป็นตำแหน่งนั้น หาคำตอบทั้งในแง่ตนเองและองค์กร ถ้าฉันได้ตำแหน่งแล้วมีเหตุผลอะไรบ้างที่จะบอกว่า ฉันจะทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้นหรืออย่างน้อยก็ต้องเท่ากับวันนี้ อย่าดูแต่ผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้ดูบทบาทหน้าที่โดยรวมว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้เราต้องทน ถ้าคำตอบบอกว่าได้แล้วเป็นทุกข์แปลว่า เราฝันผิดเรื่องในแง่ของตัวเรา

ในแง่ขององค์กรให้ลองถามว่า องค์กรจะมีอะไรดีขึ้นได้บ้าง ถ้าฉันได้ตำแหน่งนั้นซึ่งคำว่าดีขึ้นในวันนี้ อย่างน้อยหมายถึงมีการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับบริบทอนาคตที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ฉันนั่งเก้าอี้นั้น แล้วฉันจะนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้บ้าง ทำไมฉันจึงเหมาะสมกับการนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ระวังอย่าปนความริษยา ทรนงเกินเหตุ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการหาคำตอบ ไม่ชอบลุงเลยคิดจะเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นตรงกันข้ามกับที่ลุงทำ โดยบอกว่าฉันนำการเปลี่ยนแปลงได้เพราะมีคนเกลียดลุงเหมือนฉันเยอะ ถ้าได้คำตอบที่เป็นเหตุเป็นผลว่า มีหลายอย่างที่สนับสนุนว่า เมื่อนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นแล้วบทบาทของฉันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เท่าทันอนาคตที่เปลี่ยนไป ความใฝ่ฝันนั้นถูกเรื่องแล้ว

เมื่อได้ความใฝ่ฝันที่ถูกตัวถูกที่แล้ว ก้าวสำคัญต่อไปคือ นึกให้ได้ว่าจากที่ฉันยืนอยู่ในวันนี้ก้าวต่อไปแต่ละก้าวเพื่อไปถึงความฝันนั้นมีอะไรบ้าง และควรจะถึงตรงนั้นได้เมื่อไร จะไปถึงต้อง Upskill หรือ Reskill อะไรบ้างผูกใจไว้กับความใฝ่ฝันนี้ จดจ่ออยู่กับแผนปฏิบัติการไปสู่ความฝันนั้น ทำได้ทุกวันไม่นานเก้าอี้ตัวนั้นก็จะเป็นของเราเอง