สินทรัพย์ไหนจะเป็นดาวเด่นในปี 2563

สินทรัพย์ไหนจะเป็นดาวเด่นในปี 2563

นักลงทุนเริ่มมีการพิจารณาวางเงินลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และกองอินฟาฯ-อสังหาฯ-รีท

ภาพการลงทุนสำหรับปี 2562 อาจดูยากสำหรับนักลงทุนที่วางเงินไว้กับตลาดหุ้นไทยและตราสารหนี้ในประเทศไทยเท่านั้น ท่ามกลางข้อพิพากระหว่างมหาอำนาจทางการค้า สหรัฐและจีน และการชะลอตัวในการลงทุน และบริโภค การค้าระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี หากนักลงทุนเริ่มมีการพิจารณาวางเงินลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และกองอินฟาฯ-อสังหาฯ-รีทส์ ด้วยในพอร์ตลงทุน อัตราผลตอบแทนการลงทุนจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะทีเดียว ทั้งนี้เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปีนี้ให้ผลตอบแทนเท่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเท่านั้น คือ 3% เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่เปลี่ยนแปลงเลยจากต้นปีก่อนในรอบ 12 เดือน แต่หากนักลงทุนถือหุ้นเองส่วนใหญ่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ขาดทุน

แต่หากเราเพิ่มการถือครองกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาฯ ท่านจะได้อัตราผลตอบแทนราว 20% จากส่วนต่างราคารวมเงินปันผล และหากท่านเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช่น ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป เข้าไปด้วยซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้ให้ผลตอบแทนเกิน 20% ทั้งสิ้นในรอบ 12 เดือน

จริงครับ ผมมาพูดตัวเลขเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว และความจริงเกิดขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่เป็นข้อคิดคือ ท่านนักลงทุนไม่ควรวางเงินไว้กับตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว ความจริงคือ เศรษฐกิจไทย และกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไม่ได้ขยายตัวได้สูงเช่นในอดีต 15 ปีก่อนเนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงวิธี แนวคิดปฎิบัติสำหรับการค้า แต่เราควรยอมรับว่า อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะน้อยลงจากค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาที่ระดับ 12% ต่อปี ไปเรื่อยๆ

การพิจารณาจากผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นโลกจะให้ผลตอบแทน 20% ในปี 2562 ซึ่งถือว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังน่าลงทุนในปีถัดไป กองอสังหาฯและโครงสร้างพื้นฐานยังให้ผลตอบแทนในอัตรา 20% หากรวมเงินปันผล ก็ถือว่าดีเช่นกัน กองทุนทองคำปีนี้ไม่ดีเท่าไรนัก แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ในสกุลดอลลาร์สรอ.แต่ถูกทอนด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่แข็งมากว่า 5.4% ดังนั้น ผลตอบแทนสุทธิจะเหลือ 8.6% เทียบกับอัตราดอกเบี้ย 12 เดือนก็ไม่เลวเท่าไรนัก

ขณะเดียวกัน Morgan Stanley ทำนายว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องจากนโยบายการเงินผ่อนคลาย อัตราเงินเฟ้อต่ำและการบริโภคขยายตัวปานกลาง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะกลับมาทำให้สหรัฐขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ยุโรปน่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2562 แต่เอเซีย และอาเซียนจะยังคงฟื้นตัวได้อ่อนๆ เพราะจีนยังมีปัญหาเรื่องหนี้บริษัทเอกชนและภาคประชาชนที่สูงมากทำให้ไม่สามารถกระตุ้นภาคก่อสร้างอสังหาฯได้เต็มที่ ส่วนอาเซียนที่อยู่ในสายการผลิตเดียวกัน และราคาสินค้าเกษตรไม่ดี เศรษฐกิจก็คงอยู่ในภาวะอึดอัดต่อไปคือ ฟื้นตัวอย่างเผ่วเบา

สรุปคือ ตลาดหุ้นปีหน้าน่าจะยังเป็นดาวเด่นด้านการสร้างอัตราผลตอบแทนสำหรับปี 2563 เพียงแต่ควรกระจายเงินลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นอื่นๆมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว เนื่องจากอัตราการขยายตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยมีจำกัด และมูลค่าพีอีไทยคาดการณ์ปีหน้าเท่ากับตลาดหุ้นสหรัฐที่ 16 เท่าแต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเอเซีย ไม่รวมญี่ปุ่นที่ 12.6 เท่า ถัดไปอันดับสองคือการลงทุนในกองทุนอสังหาฯรีทส์และโครงสร้างพื้นฐานน่าจะยังให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าตราสารหนี้ หุ้นกู้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะไม่น่าเกิดขึ้นภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ ราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำเช่นกัน อันดับสามคือ การลงทุนในกองทุนทองคำซี่งเป็นสัดส่วนจำกัดพื่อประกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดทางการเงินหรือสงครามเท่านั้น อันดับสุดท้ายคือน้ำมันดิบ ซึ่งได้รับผลกระทบจากซัพพลายส่วนเกินสูงกว่าดีมานด์ส่งผลให้ราคาน้ำมันขึ้นได้จำกัดรวมถึงความเสี่ยงจากเทคโนโลยีรถยนต์เปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต