จังหวะการเมืองสีส้ม

จังหวะการเมืองสีส้ม

เกมการเมืองที่ตอนนี้พรรคอนาคตใหม่เดินเข้าสู่ “Dead Zone” ไปแล้ว เพราะ “วันอัปยศ”

ตามที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคสีส้มกล่าวถึงมติเสียงข้างมากของกกต.ที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรคเพราะเงินกู้191.2ล้านบาทที่พรรคกู้มาจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคนั้น พ่นพิษสีส้ม

ออกมาใส่พลพรรครักอนค.กันทั่วหน้าแล้ว

หลายคนมองว่า เหตุที่แกนนำคนสีส้ม สะดุด” นั้น เป็นเพราะการกระทำของตัวเองแทบทั้งนั้น เพราะความไม่ใส่ใจในตัวบทกฎหมายทั้งที่มีนักกฎหมายมหาชนมาอยู่ในพรรคและอยู่เบื้องหลังหลายคน

เพราะแทบทุกคนที่สวมเสื้อสีส้มนั้นรู้ตัวล่วงหน้าอยู่แล้วว่า พรรคนี้เสมือนสายล่อฟ้า ไม่ว่าจะดำเนินการใดๆย่อมโดนจับตาจากฝ่ายตรงข้ามเพื่อมองหาตะเข็บความผิด

เมื่อรู้ล่วงหน้าว่าฝ่ายตรงข้ามจับตาทุกจังหวะเยี่ยงนี้ ไฉนจึงพลาดได้...หวังว่าวันข้างหน้าสังคมคงจะไขคำตอบเหล่านี้จากคนสีส้มที่อยู่ในเหตุการณ์ในพรรคที่จะออกมาเฉลยความจริงในวันนั้น

แต่วันนี้คนสีส้มยังเดินหน้าตามกระบวนการทางการเมืองตามโรดแมปที่วางไว้หลากวาระ และบางฝ่ายพยายามมองว่าการเคลื่อนไหวของพรรคสีส้มนอกสภาอาจนำไปสู่การเมืองบนถนนและก่อความวุ่นวายในวันข้างหน้าดั่งเช่นกีฬาสี(เหลือง-แดง)และการเป่านกหวีดที่สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองในช่วงสิบปีเศษที่ผ่านมา

สังคมไทยวันนี้มีบทเรียนจากความวุ่นวายทางการเมืองมาแล้วจากเหตุการณ์ข้างต้น ดังนั้นสิ่งที่กุนซือของอนค.คงมองจังหวะสังคมได้ทะลุว่าควรขยับเช่นใดกับการเมืองนอกสภาเพื่อรักษาจิตวิญญาณเอาไว้แม้กายจะดับสูญ...

หากคนวัยหนุ่มสาวที่หวังใช้ระบบพรรคการเมืองมาเปลี่ยนประเทศเยี่ยงแกนนำพรรคสีส้มนี้ ความห้าวหาญและคึกคะนอง โดยไม่สนรายละเอียดทางการเมืองไทยในบางมุมนั้น

ขอเจริญสติไว้ตรงนี้ว่า คำนึงจังหวะในวันนี้และวันหน้าด้วยบทเรียนที่ตัวเองพลาดให้ดี อย่าถล้ำลึกไปเพราะโมหะส่วนตัวที่หวังจะคว่ำอีกฝ่ายหนึ่งให้พังไปตามกันเลย อนาคตวันข้างหน้ายังมีอีกยาวไกล

เพราะคนแถวสองของพรรคสีส้มที่จะมารับไม้ต่อจากเสี่ยเอก,อาจารย์ป๊อก,โฆษกช่อนั้น หลายคนมีแววนักการเมืองที่ดี ดังนั้นการศึกษาข้อผิดพลาดและวิพากษ์ตัวเองก่อนที่จะวิจารณ์คนอื่นนั้น คนวงในพรรคสีส้มควรตกผลึกทางความคิดให้รอบด้าน อย่าดำเนินการแบบเอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง

สติเคียงคู่ปัญญาเพราะการศึกการเมืองข้างหน้า ยังมีอีกหลายวาระสำหรับคนสีส้มบางชีวิตที่หวังจะดำเนินการตามอุดมการณ์ให้บรรลุ 

โดย... นักข่าวหมายเลข 10