เกณฑ์ ส.ส. กับเกณฑ์ทหาร

เกณฑ์ ส.ส.  กับเกณฑ์ทหาร

คนไทยจำนวนไม่น้อยที่อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข

นักการเมืองเล่นเกมกันน้อยๆ ทำเพื่อชาติเพื่อประชาชนกันเยอะๆ คงรู้สึกเครียดและอึดอัดเมื่อเห็นสภาพจริงที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้

รัฐบาลเสียงสำลักน้ำจำต้องรักษาอำนาจด้วยการ “เกณฑ์ ส.ส.” ฝ่ายค้านให้หันมาสนับสนุนฝ่ายตน จนเกิดปรากฏการณ์ “งูเห่า” ภาคที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

เสียงทุกเสียงสำคัญเท่ากันหมด ถึงขั้นที่นายกฯประยุทธ์ อดีตหัวหน้า คสช.ผู้มีอำนาจล้นประเทศ ต้องลงทุนกอดคอ เอื้อนเอ่ยมธุรสวาจากับ “พี่เต้ พระราม 7” แทนการเรียกปรับทัศนคติ

ส.ส.ที่ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาก็ยังไปศาลไม่ได้ ต้องฝ่าหมายจับเข้าไปถึงในสภา เพื่อรักษาองค์ประชุม ความศักดิ์สิทธิ์ของศาลสถิตย์ยุติธรรมถูกทำลาย ชาวบ้านร้านตลาดพากันตั้งคำถามว่าถ้าพวกเขาโดนหมายจับบ้าง คงต้องคอตกเข้าตะราง ไม่มีโอกาสได้เดินลอยชายแบบนี้

ส.ส.รัฐบาลรุกป่า รุกที่ สปก. ครอบครองที่ดิน ภบท.5 ก็ออกโรงปกป้องกัน ผิดกับชาวบ้านที่ร้องเรียนผ่านสื่อเข้ามาทุกวัน ว่าถ้าเป็นเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา เห็นตำรวจ อัยการเอาแต่เดินหน้าทำคดี ฟ้องศาลไม่มียกเว้น

สาเหตุส่วนหนึ่งที่ต้อง “เกณฑ์ ส.ส.” มาร่วมโหวตให้มากที่สุด ก็เพราะกติกาพิกลพิการของรัฐธรรมนูญ จนทำให้ได้รัฐบาลเสียงสำลักน้ำ การจะอยู่ในอำนาจต่อไปจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำการเมืองย้อนยุคกลับไปหลายสิบปี จนการปฏิรูปการเมืองปี 40 ถูกฝังกลายเป็นตำนาน

ข้ามไปที่ฝ่ายค้าน ทีแรกก็ขมีขมันจะแก้รัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วนชนิดที่เรียกว่าถ้าไม่แก้ต้องตายกันทั้งประเทศแน่นอน แล้ววันนี้เป็นอย่างไร โดยเฉพาะหัวหอกอย่างพรรคอนาคตใหม่ หันไปปลุกระดมวัยรุ่นให้ออกมาหนุนเลิกเกณฑ์ทหารเสียอย่างนั้น

สุดท้ายความจำเป็นของพรรคและอนาคตทางการเมืองของหัวหน้าพรรค ก็ต้องมาก่อนอนาคตประเทศชาติ หัวหน้าเดินเกมพลาดเสี่ยงคุก พรรคจ่อโดนยุบ ทำให้ “ฮ่องกงโมเดล” น่าเล่นกว่า เลยต้องหามวลชนนอกสภาเป็นตัวประกันเอาไว้ก่อน

เมื่อไม่กี่วันมานี้ อาจารย์ปิยบุตรยกบางช่วงบางตอนของวรรณกรรมเรื่อง “ปีศาจ” ของ เสนีย์ เสาวพงศ์ มาโพสต์เพื่อส่งนัยบางอย่าง แน่นอนว่าคงโดนใจใครหลายคน

แต่คุณอาจจะลืมไปว่าบางทีคนที่อยู่บนปราสาทงาช้าง อาจไม่ได้มีแค่ศักดินาหลงยุคเสมอไป แต่พวกที่อ้างคิดใหม่ ลอกกากตำราฝรั่ง เรียนจบสูงๆในต่างประเทศแล้วตัดตอนเอาความสำเร็จที่ปลายทางของชาติตะวันตกมาสร้างความเข้าใจผิดแตกแยกให้ผู้คน โดยไม่ได้บอกว่าเขาเปลี่ยนผ่านกันมาอย่างไร ซ้ำยังดูถูกภูมิหลังของชาติและบรรพชนที่ทำให้พวกเราทุกคนมีที่ยืน นั่นก็อาจเป็นพวกหนึ่งที่อยู่บนปราสาทด้วยเหมือนกัน

แล้วคนพวกนั้นก็ถ่มน้ำลายลงมายังพื้นดิน ให้สามัญชนคนธรรมดาแท้ๆ ต้องคอยเก็บกวาดซากเดนอยู่เช่นเดิม...