เพราะศีลเสมอกัน

ด้วยความที่เป็นนักลงทุนเน้นมูลค่า หรือ 'วีไอ' การออกไปเปิดหูเปิดตา พูดคุยกับมิตรสหายผู้รู้ในหลากหลายวงการ คือหนึ่งในกิจวัตรที่ผมทำอยู่เป็นประจำ นอกจากเพื่อหาข่าวคราวและความรู้ใหม่ๆ แล้ว ยังเป็นการฝึกสมองให้รู้จักมองโลกในมุมที่ต่างไป
เสมือนการ 'ติดอาวุธ' ให้กับการลงทุนของตนเอง

โดยส่วนตัว ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่เยาวราช-เจริญกรุง อันเนื่องมาจากความสนใจในเรื่องจีนๆ ประกอบกับการที่แม่บังเกิดเกล้าเคยทำมาค้าขายในสำเพ็งมาก่อน ทำให้รู้จักคนในละแวกนั้นอยู่บ้าง

หนึ่งในคนที่ผมรู้จัก และมีโอกาสเข้าไปพูดคุยขอความรู้อยู่บ่อยครั้ง คือคุณสมชัย กวางทองพานิชย์ เจ้าของธุรกิจ “ขายเชือก” ในซอยวานิช 1 ซึ่งหากพูดชื่อไป คงไม่มีใครในบริเวณนั้นที่จะไม่ร้องอ๋อ

แม้หลายคนจะเรียกเขาว่า 'สมชัยขายเชือก' ตามธุรกิจที่ทำ แต่สิ่งที่ทำให้ 'เฮียสมชัย' เป็นที่รู้จักของคนในวงกว้าง คงหนีไม่พ้นบทบาท 'นักประวัติศาสตร์ชุมชน' อันเกิดจากความสงสัยใคร่รู้ของตัวเขาเอง

เฮียสมชัยเริ่มต้นค้นคว้าประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีน หลังจากเห็นแม่ไหว้เจ้าและประพฤติปฏิบัติตามประเพณีจีนโบราณอย่างเคร่งครัดจนเกิดเป็นคำถามขึ้นในใจ ก่อนจะขยายขอบเขตกลายเป็นการศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างในละแวกบ้านของตนจนทะลุปรุโปร่ง

แต่เอกลักษณ์ของเฮียสมชัยในสายตาของผม คือความเป็นคน 'หัวคิดก้าวหน้า' แม้จะศึกษาประวัติศาสตร์และเติบโตขึ้นมาในถิ่นที่อยู่ซึ่งผูกโยงกับอดีตอย่างแนบชิด เขากลับไม่เคยปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงและความเจริญที่หลั่งไหลกันเข้ามา ไม่ยึดติดกับความหลังจนกลายเป็นคนล้าสมัยหรือตกยุค

เขาเคยพูดกระทั่งว่า ถ้าบ้านของเขาในย่านวัดเกาะจะต้องถูกเวนคืนเพื่ออนุรักษ์ประวัติศาสตร์ชุมชนให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เขาก็ยินยอมพร้อมใจไม่มีปัญหา

ครั้งล่าสุด ผมได้พบกับเฮียสมชัยที่ Double Dogs Tea Room ร้านน้ำชาริมถนนเยาวราชในบรรยากาศจีนแท้ๆ ของ 'เฮียตี่' จงรักษ์ กิติวรการ ผู้ชายที่หลงใหลในโลกของชา

เราทั้งสามและมิตรสหายอีกจำนวนหนึ่งได้เปิดวงสนทนาปราศรัยเกี่ยวกับเหตุบ้านการเมือง หุ้น และความเป็นไปในเขตสัมพันธวงศ์ คละเคล้าไปกับน้ำชารสเลิศที่เจ้าของร้านเป็นผู้ชงให้ด้วยตนเอง

เฮียสมชัยบอกว่า เหตุที่พวกเราได้มาพบกัน เป็นเพราะ 'ศีลเสมอกัน' แม้จะต่างคนต่างที่มา สุดท้ายก็โคจรมาเจอกันจนได้

'ผมเห็นโลกมาเยอะแล้ว สักวันคุณจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดเอง' 

เป็นประโยคสุดท้ายที่เฮียสมชัยฝากไว้ ก่อนจะร่ำลากัน