จับตา “ฝ่ายค้าน” ขยี้ปม “แก้รธน.”

โดยเฉพาะ การเสนอให้ตั้ง“คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาผลกระทบจากการออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ คำสั่งหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44” ได้เริ่มต้นพิจารณาและเตรียมลงมติสรุปปิดท้ายว่า ญัตติที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้านส่วนมาก และส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ศึกษาผลกระทบจากคำสั่งของคณะปฏิวัติ จะถูกตั้งขึ้นหรือไม่ ในช่วงบ่ายวันพุธ ที่ 27 พ.ย.นี้

แน่นอนว่าเรื่องนี้มีคำตอบอยู่ในตัวว่า"รัฐบาล" ของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่พอใจกับเรื่องนี้ และส่งสัญญาณถึงส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ผ่าน คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ว่า“ให้ออกเสียงไม่สนับสนุน”

แต่ทางพรรคฝ่ายค้านเอง ยังยืนยันปักหลักสู้ แม้ผลของการชี้ให้สังคมเห็น ผ่านตัวชูโรง โดย“ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ และส.ส.พรรคอนาคตใหม่”​ ทีมงานฝ่ายค้านวิเคราะห์ ว่าไม่มีการขยายผลสู่สังคมวงกว้างมากเท่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยการแก้เกมของ“ฝั่งรัฐบาล” ผ่านกระบวนการยื้อ 

อย่างไรก็ดีการใช้เกมในสภาฯ เพื่อต่อสู้กันทางการเมือง ระหว่าง รัฐบาล ที่มาจากทหาร กับ ฝ่ายค้าน ที่มาจากการเลือกตั้ง ยังมีอีก 2 ยกให้ติดตาม คือ ญัตติด่วน ให้สภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

อย่างที่บอกไป ญัตติ เรื่องศึกษาแนวทางแก้รัฐธรรมนูญ จะเริ่มเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ได้วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน ทั้งนี้มีคนคิดเผื่อไว้ว่าหาก“ส.ส.” อภิปรายกันจำนวนมาก และเลยเวลาประชุมที่กำหนดไว้เพียง 22.00 น. อาจยกการอภิปรายหรือลงมติไปไว้วันที่ 28 พ.ย. ซึ่งเรื่องนี้ ทางรัฐบาลคาดว่าจะเอาด้วย เพราะเตรียมส่งคนเข้าร่วมไว้อย่างรอบด้านแล้ว

เมื่อพิจารณาสัดส่วนกมธ.ที่เตรียมไว้ 49 คน แบ่งเป็น ฝ่ายค้าน 19 คน, ฝ่ายรัฐบาล 18 คน และโควตาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก 12 คน ถือว่าต่อให้จะโหวตหรือลงมติอะไร เสียงข้างมากยังเป็นของ“รัฐบาล”อยู่ดี เพราะตุนไว้ถึง 30 เสียง ดังนั้นข้อเสนอใดของฝ่ายค้าน หากไม่เป็นที่ถูกใจของคณะผู้นำ ย่อมส่งผ่านความรู้สึกนั้นมายัง กมธ.เสียงข้างมากได้

แต่อย่างไรก็ดีก่อนจะถึงวันที่ กมธ.​ได้เริ่มทำงานต้องจับตาให้ดี กับการอภิปรายวันที่ 27 พ.ย.นี้ ว่า ฝ่ายค้าน จะมีประเด็นทีเด็ดใดที่จะส่งผ่าน เพื่อผันเป็นแนวร่วมของสังคมไทยได้หรือไม่

โดย... เทพจร