"ธนาธร"กับดาบ 6 เล่ม

"ธนาธร"กับดาบ 6 เล่ม

ทิศทางการเมืองไทยในอนาคตอันใกล้ ยังไม่รู้จะออกหัวหรือออกก้อย แต่ประเมินได้ว่าไม่สงบสุขแน่

หากจับเอา “ธนาธร” และพรรคอนาคตใหม่เป็นศูนย์กลางความเคลื่อนไหวการเมืองในช่วงต่อจากนี้ จะพบว่ามี “ดาบ” รอฟันอยู่อีก 5 เล่ม ถ้านับรวมดาบจากศาลรัฐธรรมนูญที่ฟันปมหุ้นสื่อไปแล้ว 1 เล่ม ก็รวมเป็น 6 เล่ม

ดาบ 2 ที่ธนาธรต้องเจอแน่ๆ คือ กกต.แจ้งข้อหาตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง มาตรา 151 ฐานลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม โทษจำคุก 1-10 ปี เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งอีก 20 ปี เรื่องนี้ผู้มีอำนาจลงดาบที่แท้จริงคือศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง

ดาบ 3 เป็นเรื่องละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จากคำสัมภาษณ์ของธนาธรเองหลังรู้ผลวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อ ดาบนี้ถ้าผิดจริง มีโทษตั้งแต่ตักเตือน ไปจนถึงจำคุก 1 เดือน

ดาบ 4 การดำเนินคดีพยาน 10 ปาก ในคดีโอนหุ้น วี-ลัค มีเดียฯ ว่าเข้าข่าย “เบิกความเท็จต่อศาล” หรือไม่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่เชื่อว่ามีการโอนหุ้นกันจริง และอาจเป็นการทำเอกสารย้อนหลัง งานนี้ถ้า กกต.ต้องการเอาผิด คนที่จะเดือดร้อนคือคนใกล้ตัวของธนาธรที่ไปเป็นพยาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

ดาบที่ 5 เป็นคดีเกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง หรือกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์กับการปกครอง คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาแล้ว ข่าวว่ากำลังนัดวันอ่านคำวินิจฉัย โทษสูงสุดถึงยุบพรรค ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92

และดาบที่ 6 คดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินจากนายธนาธรมาใช้จ่าย กกต.ตั้งเรื่องว่า กระทำผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 62 แล้ว และได้ส่งหนังสือเรียกเอกสารชี้แจงจากพรรคอนาคตใหม่ ผลของคดีหากผิดจริง ยังไม่ชัดว่าถึงยุบพรรคหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค หลุดจากตำแหน่งแน่นอน

ผลของดาบแต่ละเล่ม มีความร้ายแรงหนักเบาต่างกัน บางเล่มก็สร้างบาดแผลระยะยาว เช่น ถ้าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี กว่าจะกลับมาลง ส.ส.ได้อีกที “ธนาธร”ก็อายุ 61 และช่วงถูกตัดสิทธิ์ก็เป็นหัวหน้าหรือสมาชิกพรรคการเมืองไม่ได้

แน่นอนว่า หลายคดีดูจะเป็นความผิดพลาดของ“ธนาธร”และแกนนำพรรคเอง อาจจะคิดนอกกรอบมากเกินไป หรือประมาทสะเพร่า หรือแท้ที่จริงคือวางเกมเอาไว้ให้เป็นแบบนี้หรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางคดีเข้าข่ายจองล้างจองผลาญในทางการเมืองมากเกินไปอยู่เหมือนกัน

การลงดาบในทุกคดีที่เหลือ จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแค่ต้องเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังต้องมีเหตุผลที่วิญญูชนฟังแล้วยอมรับได้ด้วย มิฉะนั้นอาจเข้าทางบางกลุ่มบางฝ่ายที่ต้องการใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน