เสียงสันติภาพแห่งธรรม จากตักศิลา/ปากีสถาน!! (ตอนที่ ๓)

เสียงสันติภาพแห่งธรรม จากตักศิลา/ปากีสถาน!! (ตอนที่ ๓)

เจริญพร สาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา จากการเดินทางไปเยือนถิ่นอารยธรรมพุทธศาสนา

ซึ่งได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นมรดกโลกในเขตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน เมื่อ 28 ต.ค. - 2 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นความสำคัญอย่างยิ่งทางจิตวิญญาณในฐานะเป็นพุทธบริษัท โดยเฉพาะความเป็นพระภิกษุ ด้วยอารยธรรมที่ยังปรากฏให้เห็นถึงความเจริญเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนา ที่สืบเนื่องส่งต่อกันมาภายหลังพุทธปรินิพพาน โดยเฉพาะในสมัยราชวงศ์กุสานะ แห่งแคว้นคันธาระ ที่มีเมืองหลวงอยู่ที่ปุรุษปุระหรือเปชวาร์ในปากีสถานปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้ ได้ประดิษฐานระฆังสันติภาพ (Bell of Peace) ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยได้ทำพิธีลั่นระฆังสันติภาพไปเมื่อ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเปชวาร์(Peshawar Museum) ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงที่มาทำหน้าที่บันทึก ภาพ เสียง และคำสัมภาษณ์ เพื่อเผยแผ่ไปทั่วโลก จักได้เป็นสักขีพยานในการแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ปรากฏว่า “บัดนี้ การอธิษฐานอำนาจแห่งธรรม อันเป็นไปเพื่อสันติภาพของมนุษยชาติ ได้เกิดขึ้นแล้ว บนแผ่นดินอารยธรรมมรดกโลกทางพุทธศาสนา ในสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน” โดยมีอธิบดีกรมโบราณคดีของเมือง KP (Khyber Pakhtunkhwa) อำนวยการและร่วมลั่นระฆังสันติภาพในยามเย็นของวันดังกล่าว

ต่อเนื่องสู่วันที่ 31 ตุลาคม 2562  นครตักศิลา แห่งแคว้นคันธาระในอดีต ระฆังสันติภาพ (Bell of Peace) ที่ส่งไปจากประเทศไทย ได้ประดิษฐานอยู่อย่างสวยงาม สมเป็นธรรม เจติยะ ที่ควรแก่แผ่นดินอารยธรรมมรดกโลกทางพุทธศาสนาในชมพูทวีป ซึ่งบัดนี้ได้พร้อมแล้วที่จะได้ร่วมลั่นระฆังสันติภาพที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติตักศิลาดังกล่าว ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่มหาวิทยาลัยตักศิลาโบราณ ท่ามกลางทูตานุทูตจากนานาประเทศที่เดินทางมาร่วมงานด้วยความยินดียิ่ง ไม่ว่า ไทย พม่า ศรีลังกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือ บรูไน จึงได้เห็นบรรยากาศแห่งสันติภาพ เมื่ออาตมาและรัฐมนตรีจากกระทรวงว่าการวัฒนธรรม การกีฬา และเยาวชน ของรัฐปัญจาบ ตลอดจนทูตานุทูตจากประเทศต่าง ๆ ร่วมกันลั่นระฆังสันติภาพ (Bell of Peace) เพื่อสื่อสารอำนาจสันติธรรมที่เป็นหนึ่งเดียวกันไปสู่มหาชน ด้วยความเชื่อมสัมพันธ์ผ่านทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติที่ปรารถนาความสงบสุขเท่าเทียมกัน อันเป็นมิติใหม่ทางการทูตที่ปรากฏบนความเชื่อมโยงทางอารยธรรมมรดกโลก ดังที่ นายดอน ปรมัตถวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่า บัดนี้ ปฐมบททางธรรมทูต (Dhamma Diplomacy) ได้เกิดปรากฏขึ้นแล้วบนแผ่นดินปากีสถาน จากการริเริ่มของประเทศไทยเรา ร่วมกับปากีสถานและนานาประเทศ ที่ควรแก่การพัฒนาขยายผลสืบไป เพื่อประโยชน์สุขของมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด..

สมกับคำกล่าวประกาศอำนาจแห่งธรรม ก่อนลั่นระฆังสันติภาพ (Bell of Peace) ที่อาตมาได้กล่าวประกาศท่ามกลาง ทูตานุทูต สื่อมวลชน และฝ่ายรัฐบาล-เจ้าหน้าที่ระดับสูงของปากีสถาน ในวันนั้นโดยสรุปว่า...

“บัดนี้ มงคลฤกษ์ เพื่อการส่งสัญญาณจากระฆังสันติภาพ ไปถึงจิตวิญญาณ สัตว์โลกทุกภพภูมิ มนุษยชาติทั่วทุกเขตแดน ได้ถึงความพร้อมแล้ว .. ด้วยการรวมจิตใจของเราทั้งหลาย ที่ได้ถึงพร้อมด้วยเมตตาธรรม มีความเห็นชอบ มีความดำริชอบ ตรงตามสัจธรรม อันเป็นไปเพื่อสันติภาพและความสุขของสรรพสัตว์ทั้งหลายน้อยใหญ่ ข้าพเจ้า จึงขอประกาศเสียงสัญญาณ จากระฆังสันติภาพ เพื่อความสงบสุขของมนุษยชาติ เพื่อสันติภาพของโลกนี้ พึงเกิดขึ้นในบัดนี้ เทอญ” พร้อมกับการลั่นระฆังสันติภาพ 5 ครั้ง ด้วยจิตอธิษฐานตามหลักเมตตาธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหลักธรรมสากลแห่งพรหมวิหารธรรม เพื่อความสันติสุขของมนุษยชาติและสัตว์ทั้งหลาย

 

เจริญพร