อยู่ไม่เป็น

อยู่ไม่เป็น

สังคมไทยก็เช่นกัน เรา 'อยู่เป็น' กันจนชิน บางเรื่องรู้ทั้งรู้ว่าผิด แต่เลือกปล่อยผ่านเพราะไม่อยากมีปัญหา

ปีเตอร์ ดรักเกอร์ สุดยอดกูรูด้านการจัดการหมายเลขหนึ่งตลอดกาลเคยกล่าวไว้ว่า 'สิ่งที่ทุกคนรู้ มักจะผิด' ความหมายของเขาก็คือ มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่ 'ใครๆ ก็รู้ว่าต้องเป็นเช่นนั้น' แม้ว่าที่จริงมันอาจไม่ใช่อย่างนั้น เราจึงควรตั้งคำถามต่อทุกๆ ข้อสันนิษฐาน ไม่ว่าจะมีที่มาจากไหน หรือดูน่าเชื่อถือเพียงใดในทีแรก

มี 'truism' หรือความจริงพื้นฐานบางประการ ที่คนส่วนใหญ่เคยเชื่อว่าถูกต้อง แต่ทุกวันนี้ใครๆ ต่างหัวเราะเยาะ อาทิ ความเชื่อว่า 'โลกแบน' หรือ 'โลกคือศูนย์กลางของจักรวาล' ซึ่งในอดีต หากคุณกล้าตั้งคำถามต่อ 'ความ (ไม่) จริง' เหล่านี้ คุณอาจถูกจับเข้าคุก หรือโดน 'ล่าแม่มด' อย่างหนักหน่วง

ในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อ 2,000 ปีก่อน มี 'สภาซันเฮดริน' (Sanhedrin) ประกอบด้วยสมาชิก 71 คน คอยควบคุมกิจการด้านศาสนาทั้งหมด ตลอดจนปกครองบ้านเมืองและทำหน้าที่เป็น 'ศาลสูงสุด' มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาและไต่สวนใครก็ได้ แม้แต่กษัตริย์ โดยการไต่สวนคดีในสภานี้จะไม่มีทนาย มีเพียงโจทย์ จำเลย และพยานของทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ คำตัดสินของสภาซันเฮดรินถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา แต่ที่น่าสนใจก็คือ หากสมาชิกทั้ง 71 คนลงมติไปในทางเดียวกันว่าจำเลยมีความผิด ให้ถือว่าจำเลยผู้นั้นพ้นผิดทันที !

ที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยตรรกะที่ว่า ไม่ว่าความผิดของจำเลยจะชัดเจนเพียงใด หากไม่มีสมาชิกแม้แต่คนเดียวเล็งเห็นถึงเหตุผลของเขา ก็น่าสงสัยว่าคงมีข้อเท็จจริงที่ถูกมองข้าม หรือมีบางสิ่งผิดพลาดไป เช่น โจทย์อาจโน้มน้าวเก่งจนทุกคนหลงเชื่อ หรือมีการใช้อำนาจนอกระบบมาบีบบังคับสมาชิกให้ตัดสินใจไปในทางหนึ่ง

นี่คือความชาญฉลาดของชาวยิวโบราณ ที่ตั้งกฎกติกาไว้ป้องกันการ 'อยู่เป็น' ไม่ให้ผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้มีหน้าที่ผดุงความยุติธรรม พลั้งเผลอ หรือเจตนาเอนเอียง เพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเดือดร้อน

สังคมไทยก็เช่นกัน เรา 'อยู่เป็น' กันจนชิน บางเรื่องรู้ทั้งรู้ว่าผิด แต่เลือกปล่อยผ่านเพราะไม่อยากมีปัญหา นิสัยอยู่เป็นเช่นนี้เอง ทำให้อะไรที่ผิดก็ผิดอยู่อย่างนั้น ไม่ได้รับการแก้ไข

หันมามองแวดวงการลงทุนไทย การลากหุ้น ทุบหุ้น ปล่อยข่าวลวง หรือใช้อินไซด์ เป็นสิ่งที่กระทำกันมาเนิ่นนาน แต่กลับลงโทษผู้กระทำผิดได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ของประเทศพัฒนาแล้ว

หากนักลงทุนรายย่อยเลือกที่จะ 'อยู่ไม่เป็น' และกล้ารวมตัวกันเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มก้อนในลักษณะของ 'activist investor' เพื่อติดตาม-ตรวจสอบพฤติกรรมอันน่ากังขาเกี่ยวกับหลักทรัพย์เหมือนในต่างประเทศ ตลาดหุ้นบ้านเราคงจะดีขึ้นกว่านี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

มา 'อยู่ไม่เป็น 'กันบ้างดีไหมครับ?