Uber Money ก้าวที่สำคัญเพื่ออนาคตของ Uber

Uber Money ก้าวที่สำคัญเพื่ออนาคตของ Uber

ประโยชน์อย่างแรกของ Uber Money คือการช่วยให้ผู้ที่ขับ Uber ได้รับเงินค่าโดยสารทันที

ปี 2019 ถือเป็นปีที่สำคัญของยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Ride Sharing อย่าง Uber ซึ่งได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปเป็นที่เรียบร้อยในต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ว่าราคาปัจจุบันในช่วงปลายเดือนตุลาคมจะยังคงอยู่ต่ำกว่าราคา IPO มากพอสมควร (ราคา IPO อยู่ที่ 45 USD) รวมทั้งงบการเงินของบริษัทก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสร้างกำไรได้จริงในปีไหน แต่ล่าสุด Uber ได้ออกมาประกาศข่าวสำคัญเรื่องการก้าวเข้าสู่วงการ Fintech ผ่านบริการที่ชื่อว่า Uber Money ซึ่งถือเป็นข่าวสำคัญที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก

ประโยชน์อย่างแรกของ Uber Money คือการช่วยให้ผู้ที่ขับ Uber ได้รับเงินค่าโดยสารทันที หลังจากการขับรับส่งผู้โดยสารแต่ละครั้ง (Real-time Earnings) เข้า Uber Debit Account ซึ่งเป็นบัญชีที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน พร้อมทั้งมี Uber Debit Card ที่มีเงื่อนไขส่วนลดพิเศษสำหรับรายการค่าใช้จ่ายที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้ขับ Uber โดยในเบื้องต้นจะเป็นส่วนลด 3-6% จากการเติมน้ำมัน บริการ Uber Debit Account + Debit Card นี้ Uber ได้พัฒนาร่วมกับ Green Dot ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้าน Banking-as-a-Service รายสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลาย Fintech Start-up ที่นำเสนอบริการ Debit Card ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของบริการเดิม เช่น Wealthfront และ Stash เป็นต้น

นอกจากนี้ Uber ยังได้พูดถึงบริการ Uber Wallet ซึ่งเป็นศูนย์รวมของบริการด้านการเงินของบริษัทผ่าน Online Platform อีกด้วย โดยจะเริ่มให้ผู้ขับ Uber ใช้งานผ่าน Uber Driver App ก่อน แล้วค่อยให้บริการกับคนทั่วไปผ่านทาง Uber App และ Uber Eats App

บริการด้าน Fintech สุดท้ายที่ Uber ได้พูดถึงในครั้งนี้คือ Uber Credit Card ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่บริการใหม่ (Uber ได้ร่วมมือกับ Barclays Bank ในการให้บริการ Uber Visa Card มาตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว) แต่ Uber ได้มีการปรับสิทธิประโยชน์ของบัตรพอสมควร โดยส่วนที่สำคัญคือการให้ Cash Back สูงถึง 5% สำหรับใช้บริการ Uber และ Uber Eats รวมถึงการให้ Cash Back 3% สำหรับการใช้จ่ายในหมวดร้านอาหารและโรงแรม

ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นนั้น จะได้รับ Cash Back 1% อย่างไรก็ตาม Uber ได้เปลี่ยนจากการให้ Cash Back เข้าบัตรของลูกค้า มาเป็นการให้ Cash Back ในรูปแบบของ Uber Cash ซึ่งสามารถใช้ได้กับ Uber และ Uber Eats เท่านั้น

หากจะวิเคราะห์ในเชิงกลยุทธ์ธุรกิจแล้ว Uber Money เป็นการเดินหมากก้าวสำคัญ ที่จะช่วยให้ Uber เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในตลาด Ride Sharing ได้ในระยะยาว เนื่องจากเป็นบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งสองกลุ่มที่อยู่ใน Platform คือผู้ขับและผู้โดยสาร โดยคาดการณ์ว่า Uber จะเอาใจผู้ขับโดยการสรรหาสินค้าหรือบริการ ที่ได้รับส่วนลดจากการใช้จ่ายผ่าน Uber Debit Card เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการเติมน้ำมัน เช่นอาจจะเป็นส่วนลดสำหรับรายการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษารถยนต์ที่ใช้เพื่อรับส่งผู้โดยสาร หรือรายการอื่นที่กลุ่มผู้ขับมีการใช้อยู่เป็นประจำ เนื่องจาก Uber จะมี Big Data ในส่วนนี้อยู่แล้ว

ในส่วนของผู้โดยสารนั้น กลยุทธ์สำคัญคือ Uber Credit Card ที่ให้ส่วนลดถึง 5% ในรูปแบบของ Uber Cash ซึ่งเป็นระดับส่วนลดที่น่าจะดึงดูดให้ผู้ใช้งาน Uber หันมาสมัคร Uber Credit Card ได้ เนื่องจากไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี และยังมี Promotion ได้รับ Uber Cash อีก 100 USD หากมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 500 USD ขึ้นไปภายใน 90 วันหลังจากได้รับอนุมัติอีกด้วยเห็นแบบนี้แล้ว คนไทยอย่างเราน่าจะคิดถึง Uber กันไม่มากก็น้อย ในโอกาสหน้าผมจะนำข่าวคราวความคืบหน้าของบริการด้าน Fintech จากค่าย Grab มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ