ทำไมถึงเงียบ

ทำไมถึงเงียบ

ในการทำงานร่วมกันนั้น เราพบคนอยู่ 3 กลุ่มเสมอ

กลุ่ม 1 คือกลุ่มคนที่ทำงานให้สำเร็จ กลุ่ม 2 ประจบประแจงสรรเสริญการงานที่ผู้บริหารได้ทำ หรือกำลังทำ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่งานไม่ทำ แต่ขวางงานไปแทบทุกอย่าง ทั้งเปิดเผย หรือเป็นอีแอบรอบเล่นงานก็ได้ ถ้าที่ไหนกลุ่มแรกเยอะหน่อย งานก็สำเร็จได้ง่าย ที่ไหนกลุ่ม 2 เยอะ วางแผนเสร็จแล้วก็นิ่งอยู่ตรงนั้น แต่รู้สึกว่าการงานก้าวหน้าไปด้วยดี เพราะมีคนอวยผู้บริหารว่างานวิเศษเช่นนั้นเช่นนี้ ถ้ากลุ่มที่ 3 เยอะ การงานทุกอย่างเหมือนเดินหน้าผ่านขวากหนามที่ไม่มีอยู่จริง แต่ประดิษฐ์กันขึ้นมาเอง คนด่าจะได้ดี คนทำจะหมดใจ

ถ้าผู้นำประกาศเส้นชัยขององค์กรแล้วผู้คนเงียบไม่พูดไม่จาอะไรกันเลย แล้วตีความว่าทุกคนเห็นด้วย ทุกคนเข้าใจกันทั่วหน้าแล้ว คงแปลกที่พวกช่างประจบละเลยบทบาทการป้อยอคนใหญ่คนโต แล้วเงียบเฉยในเรื่องนั้น อีกพวกหนึ่งที่เป็นทีมเท้าราน้ำ ตามปกติถ้ารู้เรื่องอะไรมาที่เป็นการงานที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ทีมเท้าราน้ำต้องหาเรื่องติเรื่องด่าอยู่เป็นประจำ ยิ่งเป็นพวกเท้าราน้ำ 4.0 ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะราน้ำเป็นประจำทั้งในโลกจริง โลกไซเบอร์ ไม่ว่าผู้บริหารจะทำอะไร เท้าราน้ำ 4.0 เอาไปเขียนด่าในเครือข่ายสังคมได้หมด จนผู้บริหารหลายคนถอดใจกับการงานดีๆ ไป เพราะหมดใจไปกับการโต้ตอบสารพัดด่าจากเท้าราน้ำ 4.0 ถ้าวันไหนเท้าราน้ำ 4.0 สงบปากสงบคำ แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแล้ว

ทั้งทีมป้อยอสงบปากสงบคำได้ อาจเป็นเพราะไม่รู้เรื่องว่าผู้บริหารกำลังจะทำอะไร ยิ่งถ้าเป็นเป้าหมายที่ไกลๆ และสลับซับซ้อน คนยอเก่งมักไม่ค่อยจะเข้าใจ ดังนั้นจะยอส่งเดช ก็เกรงว่าจะยอผิดจนเจ้านายจับได้ เลยเงียบไว้ก่อน ป้อยอเงียบเมื่อใด ไม่ต่างจากกลุ่มคนทำงานเงียบ คือไม่มีใครเข้าใจการนำองค์กรของผู้บริหาร จะไปทางไหน สื่อสารไม่รู้เรื่อง ถ้าคนทำงานเข้าใจเส้นชัยปลายทางขององค์กรที่ผู้นำสื่อสารจริงๆ มักมีการสอบถามสะท้อนความเข้าใจว่าตรงกับที่ผู้นำต้องงาน ถ้าเงียบแปลว่า ทั้งคนทำคนยองุนงงกับเส้นชัยใหม่ที่ผู้บริหารบอกกล่าว แต่อย่าไปให้ความสำคัญกับกลุ่มเท้าราน้ำ 4.0 ว่าไม่ยอมเงียบเหมือนสองกลุ่มแรก แต่ยังหาเรื่องติ เรื่องคัดค้านจนได้ แต่ให้พยายามดูสาระของคำค้านเหล่านั้นว่าตรงประเด็นที่ผู้บริหารตั้งเส้นชัยปลายทางหรือไม่ ถ้าบอกว่าจะไปเหนือ แต่ติเรื่องจะไปใต้ แสดงว่ากลุ่มนี้ที่จริงก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน สื่อสารกับผู้คนในองค์กรแล้วตามมาด้วยความเงียบ อาจหมายถึงการสื่อสารที่ไม่ได้ผลของผู้บริหาร

ถ้าเดิมมีสารพัดเสียงจากทุกกลุ่ม สอบถามทบทวนบ้าง ยอไปตามบทบาทบ้าง ค้านตะบันบ้าง แปลว่าอย่างน้อยมีบางคนรู้เรื่องการนำองค์กรของผู้บริหารอยู่บ้าง แต่วันหนึ่งเสียงเหล่านั้นหายไปหมด เป็นสัญญาณสำคัญว่า คนในองค์กรเริ่มไม่ใส่ใจกับอนาคตขององค์กร เขาเริ่มไม่ผูกพันอนาคตของเขาไว้กับองค์กร ทุกอย่างจากผู้นำกลายเป็นสิ่งที่ทำไปแบบไม่ได้ใจ คือทำตามที่เข้าใจว่าสั่ง ไม่ใส่ใจจะยกยอใดๆ เพราะรู้สึกว่าวันหน้ากำลังจะสูญสลายไปแล้ว ไม่รู้จะเสียแรงเยินยอกันไปทำไม เท้าราน้ำก็ไม่รู้จะราไปอีกทำไมกับเรือที่กำลังจะจม ความเงียบกับการสื่อสารการนำองค์กรนั้น บอกว่าความผูกพันของคนกับองค์กรกำลังย่ำแย่ หรืออย่างน้อยที่สุดคือ การสื่อสารของผู้บริหารไม่อาจสร้างความผูกพันให้กับผู้คนในองค์กรอีกต่อไป

เราทราบดีอยู่แล้วว่าการบรรลุเส้นชัยจะเกิดขึ้นได้ เพราะฝีมือของกลุ่มคนทำงาน ถ้าคนทำงานเงียบกับเส้นชัยใหม่ที่ผู้นำประกาศ แสดงว่าคนทำงานไม่เชื่อว่าเส้นชัยใหม่นั้นจะดีกับองค์กร หรืออาจจะแย่ไปเลยก็ได้ แต่เขาเซนเซอร์ตัวเองที่จะไม่พูดจาอะไรออกมา เขาแต่ละคนอาจคิดว่า มีเพียงตนเองเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับเส้นชัยใหม่ คนทำงานตัวจริงกลุ่มนี้ จะกลายเป็นขบวนการเท้าราน้ำใต้ดิน ในทันทีที่พวกเขารู้ว่ายังมีอีกมากมายหลายคนที่ไม่เชื่อเส้นชัยของผู้นำ

ท่านผู้นำที่พอใจกับองค์กรที่เงียบสงบ ระวังไว้ให้ดีว่าท่านอาจจะกำลังเป็นกัปตันเรือไททานิคโดยไม่รู้ตัว