'ข่าวใหญ่' ในโลกธุรกิจ

'ข่าวใหญ่' ในโลกธุรกิจ

Softbank บริษัทเทคยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น เข้าลงทุนเพิ่มใน WeWork สตาร์ทอัพอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง

'ข่าวใหญ่' สุดๆ ในโลกธุรกิจรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการที่ Softbank บริษัทเทคยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น เข้าลงทุนเพิ่มใน WeWork สตาร์ทอัพอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานแก่ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ปัจจุบันทำธุรกิจอยู่ใน 28 ประเทศทั่วโลก และมีสาขาเกือบ 500 สาขา ด้วยมูลค่ากิจการราว 47,000 ล้านเหรียญ

เดิมที Softbank ถือหุ้นใน WeWork ประมาณหนึ่งในสาม แต่การลงทุนเพิ่มครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีหุ้นเพิ่มเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ แลกกับการใส่เงินทุนลงไปอีก 5,000 ล้านเหรียญ และอีก 3,000 ล้านเหรียญสำหรับทำ tender offer จากผู้ถือหุ้นเดิม

ดีลใหญ่ครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยสะสางปัญหาที่ WeWork ประสบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาดเงินทุน หลังแผนการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีอันต้องพับไป ทั้งยังประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีผลขาดทุนถึง 900 ล้านเหรียญ

นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของข้อตกลงก็คือ อดัม นอยมันน์ CEO และผู้ก่อตั้งบริษัทจะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยได้รับเงินชดเชยถึง 185 ล้านเหรียญ ยังไม่รวมเงินอีกราวๆ 1,700 ล้านเหรียญที่เขาจะได้หากขายหุ้นทิ้ง โดย Softbank จะดึงมาร์เซโล คลอร์ อดีต CEO ของ Sprint มานั่งเป็นนายใหญ่แทน

ทั้งนี้ นอยมันน์ถือเป็น CEO ติสต์แตก ปลุกปั้นธุรกิจขึ้นมาด้วยบุคลิกห่ามๆ ในสไตล์ของเขา ซึ่งแม้ว่าก่อนหน้านี้จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างมาก แต่ปัจจุบันถูกมองว่ากลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของบริษัท พฤติกรรมบ้าๆ ของเขามีอยู่มากมาย อาทิ การเอา 'กัญชา' ขึ้นไปบนเครื่องบินเช่าส่วนตัว ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม Softbank ยืนยันว่า เป็นเรื่องปกติของบริษัทที่เป็น 'ดิสรัปเตอร์' อย่าง WeWork ซึ่งต้องพบอุปสรรคระหว่างเส้นทางการเติบโต โดย มาซาโยชิ ซัน นายใหญ่แห่ง Softbank บอกว่า วิธีทำงานของผู้คนทั่วโลกกำลังถูกพลิกโฉม ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเข้าลงทุนใน WeWork

ในยุคสมัยปัจจุบัน สตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างทางธุรกิจก่อนใคร มีโอกาสพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นผู้นำหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงโลก เหมือนที่ Airbnb, Uber และยูนิคอร์นอีกหลายรายทำได้มาแล้ว ส่งผลให้ผู้ก่อตั้งธุรกิจขยับฐานะกลายเป็น 'มหาเศรษฐี' ในเวลาไม่กี่ปี

สำหรับประเทศไทย น่าเสียดายที่วงการสตาร์ทอัพของเรายังล้าหลังต่างชาติอยู่มาก ส่วนสำคัญเป็นเพราะขาดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวย จึงไม่มีสตาร์ทอัพไทยก้าวขึ้นไปสร้างชื่อบนเวทีโลก บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นบ้านเราจึงเต็มไปด้วยธุรกิจสัมปทาน ธุรกิจผูกขาด ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

ถ้าเมืองไทยมี tech stock ให้เลือกลงทุนเหมือนต่างประเทศบ้างก็น่าจะสนุกดี