คุณค่าแห่งโอกาส

คุณค่าแห่งโอกาส

เราต้องให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองก็มีคุณค่าได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเร่งรีบในสังคมเมือง เราอาจคุ้นเคยกับภาพของวัยรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างเต็มพิกัด เพราะสำหรับชนชั้นกลางนั้น การจัดหาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค แทบเล็ต สมาร์ทโฟน ให้แก่ลูกหลานของตัวเองมาใช้ในการเรียนรู้ทุกวันนี้ ดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว เด็กสมัยใหม่ในครอบครัวคนชั้นกลางจึงดูเหมือนได้รับการ “เติมเต็ม” ในทุกเรื่องจนเขาคิดไม่ออกแล้วว่าในชีวิตนี้มีความต้องการอะไรอีก 

ตรงกันข้ามกับเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง โดยเฉพาะในสังคมที่ด้อยกว่ากลายเป็นช่องว่าง ระหว่างเด็กสองกลุ่มที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล แต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ดูเหมือนช่องว่างดังกล่าวจะถูกทำให้แคบลง ด้วยกิจกรรมประกวดวาดภาพของมูลนิธิสร้างเสริมไทย ที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ผู้ด้อยโอกาสได้มีเวทีได้แสดงออกถึงจินตนาการและความสามารถในการถ่ายทอดความคิดอันโดดเด่น

โดยหัวข้อในการประกวดครั้งล่าสุดนี้คือ “ดินแดนในฝัน” ซึ่งผลงานที่ชนะในการประกวดครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเด็กกลุ่มที่ด้อยโอกาสไม่ว่าจะพิการหรือมีปัญหาครอบครัวสามารถสร้างผลงานที่เจิดจรัสได้ไม่แพ้เด็กทั่วไป ที่มีความพร้อมมากกว่าหลายเท่าการจัดงานของมูลนิธิสร้างเสริมไทยในครั้งนี้จึงเป็นการสร้างเวทีให้เด็ก ๆ กลุ่มนี้ ได้เห็นว่าตัวเองก็มีคุณค่าและสามารถเป็นคนสำคัญในสังคมได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ซึ่งแรงขับดันนี้ก็อาจเป็น ตัวการสำคัญให้เขาเติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคมในอนาคต

สำหรับเด็กกลุ่มนี้ “การให้” ในรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เช่นอาหาร เครื่องดื่มแต่นอกเหนือจากนั้นเรามักจะคุ้นเคยกับการบริจาคของเล่น หรือตุ๊กตาที่เราไม่ใช้แล้ว ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เขาขาดแคลนเช่นกัน แต่การให้ในรูปแบบนี้แต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่เด็ก ๆ เหล่านี้ขาดแคลนไม่แพ้กัน ก็คือ การสร้างแรงบันดาลใจและความรู้สึกให้เขารู้ว่าตัวเองก็เป็นคนสำคัญ และตัวเองก็มีโอกาสได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติได้เพราะความเก่งของตัวเองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ดนตรี กีฬา ฯลฯ

ทั้งนี้ ผลงานที่ผ่านการเข้ารอบของมูลนิธิสร้างเสริมไทยนั้นสะท้อนให้เห็นจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเขาที่โดดเด่น ซึ่งเราอาจกระตุ้นให้เขาใช้พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์นี้ให้เป็นประโยชน์ต่อไปได้อีกในอนาคตเพราะมูลนิธิเชื่อว่าสังคมไทยยังมี “เพชร” ที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนเหล่านี้อีกเป็นจำนวนมากการปล่อยให้เขาจมอยู่กับความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมายก็เท่ากับปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีแรงบันดาลใจใด ๆแต่หากเขาได้รับรู้ว่ามีเวทีอีกมากให้เขาได้แสดงความสามารถของตัวเองให้สังคมได้รับรู้ และสังคม

ก็พร้อมที่จะนำเอาผลงานของเขาไปต่อยอด ก็ย่อมทำให้เขามีหัวใจที่พองโตด้วยความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ในคุณค่าของตัวเองเด็กเหล่านี้ก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นพลังสำคัญของสังคม และย่อมรู้จักการให้เพื่อตอบแทนคืนแก่สังคมเพราะเขาย่อมรู้ว่าเขาเติบโตขึ้นมาได้ก็เพราะได้รับโอกาสจากผู้อื่น เมื่อเขาพร้อมเขาก็ย่อมหาช่องทางในการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไปกิจกรรมดี ๆ เช่นนี้มูลนิธิสร้างเสริมไทยหวังว่าจะทำให้เรามีอนาคตที่ดีขึ้น 

สมดังชื่อ The Better Thailand Foundation ซึ่งเชื่อว่ายังมีสมาคม มูลนิธิและองค์กรอื่น ๆ อีกมาก ที่มุ่งหวังสร้างสิ่งดี ๆ ตอบแทนให้กับสังคมเช่นเดียวกัน