เอาอย่างจีน ทำอย่างจีน

เอาอย่างจีน ทำอย่างจีน

เร็วๆ นี้ มีคนส่งคลิปมาทางไลน์ซ้ำกันหลายกลุ่ม เกี่ยวกับการเดินสวนสนามในวันชาติของจีน ผมเปิดดูนึกว่าประมาณ 5 นาที

กลายเป็นคลิปที่เขาเอาเนื้อหาแบบให้สาระความรู้เต็มอิ่มไปโพสต์ไว้ในยูทูป ความยาวถึง 5 ชั่วโมง ปกติถ้าไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในความสนใจหรือมีสาระคุณภาพให้ติดตามชม ถ้าเปิดทีวีผมจะรีบกดรีโมทไปดูรายการอื่นทันที แต่เมื่อได้ชมเนื้อหาการนำเสนอของสำนักข่าวแห่งชาติจีนที่ทำการถ่ายทอดสดให้คนได้รับชมกันทั่วโลกพบว่า เขานำเสนอน่าประทับใจและมีเกร็ดความรู้ที่สมควรนำมาถ่ายทอดเผยแพร่ให้พวกเราได้รับรู้ทั่วกัน หากเป็นสมัยผมยังวัยรุ่นคงมีคนออกมาพูดว่านี่มันหนังโฆษณาชวนเชื่อ

ลืมบอกไปอีกเรื่องว่า บังเอิญไปเจอข่าว “ตำรวจฮ่องกงใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุม” ผมเลยไปกดข่าวนั้นอ่าน ปรากฏว่า มีช่องยูทูปอีกช่องหนึ่งไลฟ์หรือถ่ายทอดสดการชุมนุมในบางจุดแบบไม่ตัดทอน ผมเลยเปิดดูพร้อมกัน 2 ช่อง เวลามีเสียงปึงปังเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายก็ละสายตาไปชมการประท้วง กดปุ่มพักยูทูปสวนสนามไว้ชั่วคราว แต่ดูแล้วเกิดความมั่นใจว่าฝ่ายรัฐบาลจีนน่าจะคุมอยู่เลยหันมารับชมรายการพิเศษเกี่ยวกับวันชาติของจีนอย่างตั้งอกตั้งใจ

70 ปีผ่านไปรวดเร็วเหมือนติดปีก ผมจำได้ว่า คุณปู่ซึ่งท่านรักการอ่านหนังสือมาก ท่านได้ซื้อหนังสือสมุดภาพภาษาจีนเป็นกรณีการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทยจีนในสมัย มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปกรุงปังเพื่อจับมือกับประธานาธิบดีเหมาเจ๋อตง ในวัยที่ประธานเหมาชราภาพมาก เป็นภาพหาดูได้ยาก การติดต่อสื่อสารกันระหว่างไทยจีนในเวลานั้นเป็นเรื่องประหลาดสำหรับคนหลายคนที่ไม่เข้าใจและมีความหวาดระแวงเกี่ยวกับลัทธิความเชื่ออุดมการณ์ที่แตกต่างกัน

แต่ในสิ่งที่เราได้เห็นก้าวกระโดดอย่างที่บอกว่า “จีนมาไกลมาก” ด้วยลำแข้งของตัวเขาเอง ไม่ใช่สิ่งที่พูดเกินจริง ความสำเร็จในการทำให้อัตราความยากจนของคนในประเทศของเขาจากเกินครึ่งประเทศมาเหลือราวเปอร์เซ็นต์กว่าๆ ได้ในวันนี้ กระทั่งการเข้าถึงสาธารณสุข การศึกษาขั้นพื้นฐานดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศในโลก ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก เพราะจีนยึดโยงกับแนวนโยบาย และการเมืองที่นิ่ง ถ้าจะบอกว่า เขามาได้ไกลเพราะไม่มีนักการเมืองหรือกลุ่มคนที่กระหายอำนาจแต่ทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องไม่น่าจะผิดไปจากความจริง

แม้แต่รถตรวจพลสวนสนามของ สี จิ้น ผิง ก็ใช้รถยี่ห้อ “หงฉี (Hongqi)” ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของเขา ขณะที่อุตสาหกรรมรถในบ้านเรายังเป็นของต่างชาติและไม่ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีอะไรให้กับคนในประเทศ นอกจากสูบเอาหยาดเหงื่อแรงงาน ผลประโยชน์ได้กับเฉพาะกลุ่มนายทุนที่ขายรถราแบบขาดความรับผิดชอบ เช่น รถกระบะดาวน์ต่ำบางยี่ห้อที่เห็นวิ่งกันเกลื่อนทำลายมลภาวะอย่างรุนแรงเพราะปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์สูงมาก แต่รัฐยังไม่ทำอะไร ขณะที่ภาษีประจำปีในต่างประเทศเก็บตามค่าคาร์บอนที่ว่า อีกทั้งอุปกรณ์ส่วนควบของรถหลายประเภทที่ก่อให้เกิดความรำคาญ ยั่วยุ เช่น ไฟซีนอนที่มีความเข้มข้นเหมือนไฟสูง การให้รถกระบะยกสูง รถตู้ ที่บดบังทัศนวิสัยวิ่งในเมืองกันเอิกเกริก ทั้งที่ในต่างประเทศรถประเภทเหล่านี้ จะต้องมีการจัดเก็บภาษีในอัตราพิเศษ และต้องใช้ให้ถูกกับประเภทการใช้งาน เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเอาจริงเอาจังเพราะกลัวกระทบคะแนนนิยมรัฐบาล เราเลยเห็นเหตุการณ์อุบัติภัยทางถนนที่คร่าชีวิตผู้คนปีละเป็นหมื่นคน ทั้งที่เหตุการณ์หลายเหตุการณ์เป็น “เรื่องป้องกันได้” แต่คนไทยกับผู้มีอำนาจเหมือนจะมองเป็นเรื่องหยุมหยิม

เผลอไปคุยเรื่องรถ กลับมาเรื่องของจีนแบบตรงๆ กันต่อ ผมได้ฟังผู้ให้ความเห็นเป็นภาษาอังกฤษในรายการเดียวกันนี้พูดถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จของจีนจับใจความได้ว่ามีดังต่อไปนี้ จีนใช้การลงทุนขนาดใหญ่ สร้างงานกระจายรายได้ ไม่เน้นแจกเงินฟรี ต้องทำงานมีผลงานถึงจะได้เงิน กระบวนการของเขาสามารถคัดสรรได้ผู้นำที่ดี มีวิสัยทัศน์ การเปิดประเทศเป็น  “1 ประเทศ 2 ระบบ” คนฮ่องกงบางส่วนอาจไม่พอใจ อาจรังเกียจความเป็นจีน ไปยกย่องฝรั่งเจ้าอาณานิคมอย่างน่าขบขัน แต่นี่เป็นวิธีคิดที่แยบยลเพราะมันคือผลประโยชน์แห่งชาติ การทดสอบแผนยุทธศาสตร์ของชาติที่จีนที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระทั่งแน่ใจว่าจะต้องไม่มีข้อผิดพลาดได้ เพราะหากมีอะไรผิดขึ้นมามันจะกระทบคนที่เป็นประชากรนับพันล้าน ที่สำคัญที่สุดสำหรับส่วนตัวของผมยังต้องยกให้ “ความเป็นคนจีน” หรือทรัพยากรมนุษย์ ผมเชื่อในสิ่งที่เราเรียกว่า “วัฒนธรรมหรือคุณธรรมความดีงาม” ที่ชาวจีนส่วนใหญ่ยึดถือ การไม่ลืมชาติกำเนิดของตนเอง ความกตัญญูรู้คุณ ขยันหมั่นเพียร ตอบแทนคุณแผ่นดิน” ซึ่งเป็นสิ่งที่บ้านเราได้ริเริ่มอาจจะก่อนจีนมาระยะเวลาหนึ่ง ด้วยแนวทางของล้นเกล้าฯ สมเด็จพระภัทรมหาราช ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงสานต่อ รวมไปถึงแนวทางที่หลายฝ่ายเดินมาในทางที่ถูกที่ควร เหลือแต่ “คนไทยทุกคน” จะต้องลงมือทำให้เป็นมรรคเป็นผล

ยังจำได้ดีว่าขณะกำลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ท่านอาจารย์ มีชัย ฤชุพันธุ์ สั่งซื้อรัฐธรรมนูญจีนฉบับแปลเป็นภาษาไทยมาให้พวกเราอ่านเป็นหนังสือนอกเวลา (อ่านเสริมความรู้) เรื่องได้ยินไปถึงนักข่าว ลามไปยังนักวิชาการที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวพากันพูดทำนองว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยจะไปดูตัวอย่างจีนได้อย่างไร

ผมสนับสนุนให้คนไทยมีนิสัยเป็นนักเดินทาง ความสำเร็จประการหนึ่งของอังกฤษในการเป็นเจ้าอาณานิคม คือ การรักชอบในการเดินทางเสาะแสวงหาทรัพยากรดั้นด้นไปทั่วโลก ผมเคยเห็นคนจีนสมัยเรียนหนังสือด้วยกันเมื่อราว 30 ปีก่อนในเวลาที่จีนยังยากลำบากมาก ฝรั่งเห็นเป็นคนจีนก็ดูถูกดูแคลน แต่เขามุมานะ ทำงานในร้านฟาสต์ฟู้ดหาเงินมาเรียนหนังสือ ได้ดีก็หลายคน อย่าง “แจ๊ก หม่า” ที่คนไทยรู้จักดี การที่คนไทยมีโลกทัศน์ที่กว้างได้ไปเห็นไปสัมผัสสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองทำให้เราไม่ถูกหลอก มีคนมาบอกว่ากำลังจะไปอเมริกา อยากได้อะไรหรือไม่ ผมเลยฝากซื้อเสื้อมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเคยเรียนหนังสืออยู่ที่ฟลอริด้า รออยู่นานเห็นว่าเขากลับถึงเมืองไทยแล้วแต่ของยังไม่มา ทราบภายหลังว่า เขาอายที่โกหกจึงไปแอบสั่งซื้อจาก “อีเบย์ (eBAY)” เว็บไซต์ที่สั่งซื้อของได้ทั่วโลกมาให้เพื่อจะได้ไม่เสียหน้า ทำให้เห็นถึงสิ่งที่คนไทยยังต้องแก้ให้ได้ คือ ต้องฝึกให้มีความละอายต่อบาป ขจัดความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ต้องมีความมุมานะบากบั่น อย่ารักความสนุกสะดวกสบายมากเกินไป และพึงลดละเลิกการริษยาอาฆาตพยาบาทต่อกัน มักถึงตนเองและพวกพ้องมากกว่าใช้ความฉลาดในทางที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม “เรามีคนเก่งมาก แต่พวกขี้โกงก็มีอยู่มาก ถ้าเราเอาคราบไคลความเหลวไหลพวกนี้ให้พ้นไปได้ เราจะสามารถก้าวเป็นผู้นำโลกได้ในชาตินี้