ก้าวแรกแห่งความสำเร็จ

ก้าวแรกแห่งความสำเร็จ

โอกาสจะบันดาลความสำเร็จให้กับผู้ที่เตรียมพร้อมเท่านั้น

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบที่เกิดขึ้นมักมีอย่างน้อยสองมุมมองเสมอ นั่นคือมุมของผู้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงเพราะได้รับผลกระทบจากความผันผวนจนต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ในกรณีแบบนี้ยิ่งเปลี่ยนแปลงช้าก็มักจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงเพราะสถานการณ์พาไปเช่นนี้มักกลายเป็นวิกฤติในองค์กรเพราะความเชื่องช้าทำให้องค์กรสูญเสียความสามารถทางการแข่งขันไป เมื่อถูกบังคับให้ปรับตัวจึงมักกลายเป็นการดิ้นรนหนีตาย

ทางรอดขององค์กรจึงมักหนีไม่พ้นการลดต้นทุนทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการลดพนักงานลง มุมมองแรกนี้การเปลี่ยนแปลงจึงเป็น “วิกฤติ” ที่ก่อให้เกิดการปั่นป่วนผันผวนจนบริษัทต้องหดตัวลงให้เล็กที่สุดเพื่อฝ่ามรสุมครั้งนี้ไปให้ได้ 

หลายบริษัทที่ไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงก็มักจะล้มหายตายจากไป ทำให้เราเห็นบริษัทที่ทยอยปิดตัวลงเป็นประจำทุกปี แต่ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงอาจสร้าง “โอกาส” ให้หลายๆ บริษัท เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็มักจะปรับให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ภาษาจีนจึงมีคำว่าโอกาสแฝงไว้ในคำว่าวิกฤติ และภาษิตจีนก็บอกไว้เช่นกันว่า โอกาสจะบันดาลความสำเร็จให้กับผู้ที่เตรียมพร้อมเท่านั้น เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะมองเห็นโอกาสที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงเหมือนกันทั้งหมด คนที่เตรียมพร้อมและสะสมความรู้เอาไว้อย่างเต็มที่เท่านั้นที่จะมองเห็นโอกาสที่กำลังจะมาถึง

ทว่าปัญหาใหญ่อยู่ที่ความมั่นใจที่จะรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงนั้น ซึ่งแน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่เราอาจล้มเหลวได้หากเดินผิดทาง ความกล้าหาญในการก้าวไปสู่สิ่งใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ

ไม่แพ้กัน เพราะที่ผ่านมาเราจะเห็นคนคิดและพูดมากมายเรื่องแนวโน้มในอนาคต แต่มีน้อยคนมากที่กล้าคิดและลงมือทำจริงๆ

ภาษิตของเล่าจื๊อที่กล่าวว่า หนทางไกลหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก จึงเป็นคำที่ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจต้องจดจำให้ขึ้นใจ เพราะเราไม่อาจก้าวหน้าไปไหนได้ไกลหากไม่มีก้าวเล็กๆ เป็นก้าวแรก ซึ่งเป็นก้าวที่ต้องอาศัยพลังมากที่สุด ทั้งความรู้ที่ต้องเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงและความกล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่ได้คิดเอาไว้

ความคิดที่ดี กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม หลายๆ ครั้งมักถูกเก็บเอาไว้โดยไร้การลงมือทำด้วยความลังเลไม่แน่ใจ หรือไม่ก็เป็นเพราะไม่กล้ารับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสาเหตุใดก็ล้วนทำให้เราไม่สามารถก้าวไปไหนได้สำเร็จ

ความลังเล ความไม่พร้อมในการรับความเสี่ยงของหลายๆ องค์กรอาจมีสาเหตุมาจากภูมิหลังที่เคยสำเร็จอย่างสูงมาก่อนในอดีต ซึ่งการยึดติดกับความสำเร็จเหล่านั้นทำให้เราไม่กล้าก้าวไปหาสิ่งใหม่ๆ หรือในทางตรงกันข้ามอาจเคยผิดพลาดมาก่อนก็อาจทำให้หวาดกลัวว่าจะล้มซ้ำสอง

ความสำเร็จหรือล้มเหลวในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโอกาสของเราในอนาคต เพราะเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ การทำวันนี้ให้ดีที่สุด และศึกษาบทเรียนที่เคยได้รับในอดีตให้ละเอียดลออที่สุดต่างหากจะช่วยทำให้เรามีความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ดีที่สุด

ดังนั้นเราต้องไม่ปล่อยให้ความล้มเหลวของเมื่อวันวาน เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางในวันพรุ่งนี้ หากเราไม่อาจลืมอดีตได้ก็ไม่อาจแสวงหาความสำเร็จในอนาคตได้เช่นกัน การปล่อยวางอดีตจะทำให้เรากล้าก้าวเดิน กล้าเปลี่ยนแปลงไปสู่ความไม่แน่นอนในอนาคต

แต่ความไม่แน่นอนนั้นก็อาจนำพามาซึ่งโอกาสแห่งความสำเร็จ และทำให้เราเปลี่ยนวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นให้กลายเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จของเราได้ในท้ายที่สุด