คอนโดมิเนียม VS บ้านเดี่ยว แบบไหนตอบโจทย์ Aging Society
ประเทศไทยของเรานั้นเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุหรือ Aging Society มาหลายปีแล้ว และในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมประชากรสูงอายุอย่างสมบูรณ์
นั่นคือการมีผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี เกิน 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรเช่นนี้ มีผลต่อประเทศในหลายมิติ ไม่เว้นแม้แต่ด้านที่อยู่อาศัยที่ต้องปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ แน่นอนว่าเราได้เห็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ตื่นตัวในการรับมือ และได้เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุหลากหลายรูปแบบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในมุมมองผู้ซื้อนั้น ย่อมเกิดความสงสัยว่าแล้วโครงการประเภทไหนกันที่เหมาะกับผู้สูงอายุระหว่างโครงการแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียม หรือโครงการแนวราบ เช่นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
หากเป็นมุมมองก่อนหน้านี้มักจะมองว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่น่าจะชอบที่อยู่อาศัยประเภทแบบแนวราบ อย่างบ้านเดี่ยวมากกว่าการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม เพราะการอยู่อาศัยในแนวสูงถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวนั้นหากอยู่เป็นครอบครัวมีลูกหลานดูแล ก็ถือว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีต่อผู้สูงอายุอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมในบ้านแล้ว ยังมีผลต่อจิตใจ ในด้านของการไม่ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งการเลือกทำเลที่อยู่ใกล้สถานพยาบาล และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่นอยู่ใกล้สวนสาธารณะ รวมถึงเป็นทำเลที่มีระบบคมนาคมสะดวกก็จะทำให้ลูกหลานดูแลผู้สูงอายุได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย แต่บ้านเดี่ยวมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะจึงต้องได้รับการดูแลที่ค่อนข้างมาก หากต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ในการดูแลน้อยกว่าบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีทาวน์เฮาส์หลายโครงการอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก
อย่างไรก็ตามสังคมในปัจจุบันครอบครัวเริ่มมีขนาดเล็กลงและคนนิยมเป็นโสดมากขึ้น ผู้สูงอายุหลายท่านจึงเริ่มหันมาเปิดใจรับที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียม แม้ว่าการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมจะเป็นเรื่องใหม่ แต่จากการดูแลโครงการที่พักอาศัยกว่า 186 โครงการ (ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2562) ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าปัจจุบันลูกบ้านในโครงการคอนโดมิเนียมที่พลัสฯดูแล เริ่มมีจำนวนลูกบ้านที่เป็นผู้สูงอายุมากขึ้น และจากการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับลูกบ้าน หากเป็นโครงการที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือการสร้างความสุขในสังคมที่อยู่อาศัย ลูกบ้านที่เป็นผู้สูงอายุก็ชอบที่จะเข้าร่วมกิจกรรม และจากการพูดคุยพบว่าลูกบ้านที่เป็นผู้สูงอายุมีความสุขและชื่นชอบการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมมากขึ้น เนื่องจากคอนโดมิเนียมมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าบ้าน
เช่น มีลิฟท์โดยสาร มี ทีมงานนิติบุคคลที่คอยให้การต้อนรับและให้ความช่วยเหลือ มีรปภ.ดูแลรักษาความปลอดภัย มีห้องออกกำลังกาย สวนสำหรับเดินเล่นพักผ่อน มีสระว่ายน้ำ หรือร้านสะดวกซื้อภายในโครงการ และยังมีบริการแม่บ้านทำความสะอาดรายชั่วโมง และยิ่งเป็นคอนโดมิเนียมในโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะก็จะมีเพื่อนมีสังคมในวัยเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านสุขอนามัยผู้สูงอายุโดยเฉพาะ และมีการจัดกิจกรรมให้ได้ทำร่วมกันเป็นประจำให้ได้คลายเหงาอีกด้วย นอกจากนี้ ข้อดีของคอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุคือมีขนาดเล็กกว่าบ้าน หากผู้สูงอายุท่านใดต้องการดูแลทำความสะอาดเองก็ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาเกินไปนัก โดยผู้สูงอายุท่านใดที่ไม่คุ้นชินกับโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ก็มีแนวเตี้ยที่สูงไม่เกิน 8 ชั้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง
การที่ผู้สูงอายุจะเลือกที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือแนวราบนั้น สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือนิติบุคคลหรือผู้ดูแลโครงการว่าได้ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุมากเพียงใด บางโครงการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก็ได้มีการจัดเวิร์คชอปสำหรับเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยในโครงการ ทั้งภายในและภายนอกบ้าน เช่น ระบบแจ้งเตือนการรุกล้ำแนวรั้ว ระแบบกล้อง CCTV Analytic ที่ระบบสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ผิดปกติจากกล้องวงจรปิดและแจ้งเตือนไปยังทีมผู้ดูแลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถป้องกันหรือควบคุมเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ ดังนั้นการจะเลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุนั้นจะพิจารณาแค่วัสดุก่อสร้างและการออกแบบที่เหมาะกับผู้สูงอายุจึงไม่เพียงพอ จะต้องดูไปถึงบริการหลังการขายด้วยครับ