เพื่อนสนิทน้อยลงเพราะเถียงกันไม่เป็น

เพื่อนสนิทน้อยลงเพราะเถียงกันไม่เป็น

คนยุคดิจิทัลมีเพื่อนเยอะขึ้น แต่กลับมีเพื่อนสนิทน้อยลงกว่าคนยุคก่อนมากมายนัก ไม่ใช่เพราะใช้ดิจิทัลมากเกินไป

 แต่เป็นเพราะดิจิทัลทำให้เจอคนในโลกไซเบอร์ที่คิดเหมือนกัน ในทำนองว่าอยู่ขั้วเดียวกันได้ง่ายขึ้นมาก เพื่อนเลยเยอะขึ้น ในขณะที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับพรรคพวกขั้วเดียวกันในโลกไซเบอร์มากกว่า เพื่อนสนิทเลยน้อยลง

ดิจิทัลทำให้ทักษะหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับการมีเพื่อนสนิทจืดจางลงไป คบกับใครที่เป็นขั้วเดียวกันได้ง่าย แต่ก็พร้อมกับที่ยกเลิกการเป็นเพื่อนในโลกไซเบอร์โดยไม่แคร์ความรู้สึกใดๆ จากคนที่เคยเป็นเพื่อนในโลกไซเบอร์

ถ้ายังอยากมีเพื่อนสนิทจริงๆ เพิ่มขึ้นนอกโลกไซเบอร์ ต้องหันกลับมาฟื้นฟูความสามารถในการถกเถียงกันใหม่อีกครั้ง เพราะการถกเถียงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอในระหว่างที่คนสนทนากัน ยิ่งสนิทกันมากเท่าไร ก็ยิ่งมีการถกเถียงกันมากขึ้นเท่านั้น ถ้ายังอยากมีเพื่อนสนิทไว้ช่วยคิด ช่วยมองในมุมมองที่ต่างไปจากที่เราเห็น จะทำอะไรจะตัดสินใจอะไร อาจจะรอบคอบมากกว่าลุยเรื่องนั้นอยู่คนเดียว ต้องหาว่าจะถกเถียงกับคนที่อยากให้มาเป็นเพื่อนสนิทอย่างไร จึงจะไม่เสียเพื่อนไปจากการถกเถียง

การถกเถียงที่ลงเอยด้วยความขัดข้องหมองใจนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้มีต้นเหตุมาจากสาระที่ถกเถียงกัน แต่มาจากการที่ต่างคนต่างไม่เข้าใจกันจริงๆ หรือที่หนักไปกว่านั้นคือ ต่างคนต่างต่อต้านกันและกัน เถียงกันโดยมองว่าอีกข้างหนึ่งคือคนที่เราต้องต่อต้าน ย่อมมองอีกข้างหนึ่งในทางร้ายๆ ได้เสมอ คนสนิทกันได้เพราะเข้าใจกันและกัน ไม่มีใครสนิทกันเพราะต้องการต่อต้านกันและกัน จะเริ่มต้นถกเถียงอะไรกับใคร ให้เลือกก่อนว่าเราจะเข้าใจเขา หรือเราจะต่อต้านเขา ถ้าเลือกที่จะเข้าใจเขา การถกเถียงอาจเป็นไปในทางสร้างสรรค์ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะต่อต้านเขา การถกเถียงคือการทะเลาะกัน

การที่จะถกเถียงอย่างเข้าใจคู่ถกเถียงนั้น นอกจากไม่มองคู่ถกเถียงเป็นอริแล้ว ยังต้องไม่มองเป็นคนเลวร้ายน่าชิงชัง ไม่มองว่าเป็นคนโง่ ถ้าทำไม่ได้ ให้หลีกเลี่ยงการถกเถียง เพราะมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นการทะเลาะเพื่อเอาชนะ มากกว่าการพยายามเข้าใจอีกข้างหนึ่ง ในประเด็นที่มีการถกเถียง แม้แต่คนที่เคยรักกันชอบกันมานาน ถ้าวันใดเริ่มการถกเถียงโดยมองว่าเปลี่ยนไปเป็นคนโง่ เป็นคนน่าชิงชังแล้ว จะรักกันชอบกันมาก่อนแค่ไหนก็ตาม จบการถกเถียงลงด้วยความเจ็บปวดของทั้งสองฝ่ายเสมอ และเป็นความเจ็บปวดที่ประหลาด เพราะทั้งสองฝ่ายรู้สึกพอใจที่ได้สร้างความเจ็บปวดนั้นขึ้นมากับคนที่เคยรักเคยชอบกันอีกด้วย

เมื่อก้าวข้ามการมองกันในทางลบไปได้แล้ว ขั้นต่อไปคือพยายามทำความเข้าใจในหลักการของคู่ถกเถียง ว่าอะไรทำให้เขาเข้าใจประเด็นที่ถกเถียงอย่างนั้น มีอะไรบ้างที่ต่างไปจากที่เราคิดเราเชื่อเกี่ยวกับประเด็นนั้น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือตั้งใจฟังให้ครบ อย่าฟังไปเถียงไป ไม่ว่าจะเถียงออกมาดังๆ หรือเถียงอยู่ในใจก็ตาม เปิดหูเปิดใจให้ฟังให้ได้สาระสำคัญ และอย่าพยายามจับผิดถ้อยคำต่างๆ ให้จับใจความสำคัญ

การเลือกจับเฉพาะบางถ้อยคำมาทำให้ดูเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนั้นไม่มีประโยชน์ใดๆ ในการทำความเข้าใจในประเด็นที่ถกเถียงจากอีกมุมมองหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นผลเสีย คือทำให้สูญเสียโฟกัสจากประเด็นสำคัญ แล้วไปเล็งเรื่องเล็กเรื่องน้อยมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมายในปัจจุบัน คือเถียงกันเป็นวัน ในประเด็นเล็กน้อย

ถ้ามีส่วนใดที่ถกเถียงกันด้วยความเข้าใจผิด ให้ยอมรับโดยปราศจากอาการยโสโอหังใดๆ เพราะเราต้องการทำความเข้าใจในเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน เราต้องการได้ความจริงในประเด็นที่ถกเถียง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความจริงที่ครบถ้วน แต่อย่างน้อยก็เป็นความจริงที่คู่ถกเถียงสามารถยอมรับได้ด้วยความสบายใจ

ความสามารถดั้งเดิมที่มนุษย์เคยมี คือรู้จักเถียงกัน โดยยังคงเป็นเพื่อนกันได้นั้น ยังคงใช้ได้ตราบเท่าทุกวันนี้ ขอเพียงแค่อย่าเห็นคนที่ถกเถียงด้วยนั้น เป็นคนที่ต้องกำจัดให้พ้นหน้าไปเท่านั้น