ปั้นผู้นำรุ่นใหม่

ปั้นผู้นำรุ่นใหม่

ความซับซ้อนในการทำธุรกิจที่มากกว่าเดิมทำให้ การบริหารแบบวันแมนโชว์แทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบัน

ผ่านไป 8 ข้อสำหรับคุณสมบัติของผู้นำในยุคปัจจุบัน นั่นคือมีความเป็นครู รู้จักให้อำนาจ ใจกว้าง เน้นประสิทธิภาพ มีทักษะในการสื่อสาร ต้องเป็นนักสร้างฝัน พร้อมทำให้วิสัยทัศน์กลายเป็นจริง และรู้จักโค้ชชิ่งทีมงานอย่างใกล้ชิด การโค้ชชิ่งต้องเริ่มจากการให้คำปรึกษาและคำแนะนำ ซึ่งทีมงานมักมาหาเราด้วยปัญหาที่หลากหลาย และบางครั้งอาจมากเกินกว่าประสบการณ์ที่เรามี แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ 

จนเราเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมงานได้ทุก ๆ เรื่อง เพราะทุกวันนี้มีแหล่งเรียนรู้ให้เราเข้าถึงได้ผ่านสื่อต่าง ๆ ที่มีความสะดวกรวดเร็วกว่าในอดีตมากมาย โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แต่สำคัญว่าทุกวันนี้เราใช้เวลาไปกับอะไรมากที่สุด 

บางครั้งการตรวจสอบการใช้งานแอพลิเคชั่นต่าง ๆ ก็อาจช่วยได้เพราะทำให้เราเห็นเห็นว่าในแต่ละวันเราใช้มันทำอะไรบ้าง มีแอพไหนที่เราใช้เวลากับมันมากเกินไปหรือน้อยเกินไปและการใช้เวลารวมในแต่ละวันมากเกินไปหรือไม่ หากเราจัดสมดุลได้ดีมากพอ ย่อมทำให้เราติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ทีมงานได้เป็นอย่างดี

เพราะโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ในแต่ละวันจึงมีเรื่องราวใหม่ ๆ ให้เราเรียนรู้ตลอดเวลา เราจึงมีโอกาสเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้นำที่ใช้ความรู้ใหม่ ๆ แนะนำแนวทางให้ทีมงานได้ ซึ่งนั่นจะทำให้ทีมงานของเรานั้นมีทิศทาง มีเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่าทะนงตนว่ามีความรู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องต่าง ๆ ดีแล้ว เพราะนั่นจะเป็นการปิดโอกาสที่จะได้เรียนรู้ในสิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ 

การเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ ไม่ใช่เพียงพัฒนาตัวเราแต่เป็นการถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้กับทีมงานเพื่อสานความสำเร็จให้กับเราต่อไปในอนาคต ทั้งความรู้ และข้อคิดต่าง ๆ มีให้เราเลือกเสพมากมายผ่านสื่อต่าง ๆ ในทุกวันนี้ ยิ่งไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาก็ยิ่งทำให้เราได้รู้กว้างไกลมากขึ้น ขออย่างเดียวคืออย่าจำกัดความรู้ด้วยคำว่า “พอแล้ว” เพราะในความเป็นจริงความรู้นั้นเป็นอนันต์ คือมีเรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ข้อที่ 9 ต้องหลอมรวมทีมงานให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้สำเร็จ ไม่แปลกอะไรที่ในแต่ละบริษัท แต่ละแผนกจะมีหลายทีมงานประกอบกัน แต่การจะทำให้ในบริษัทมีพรรคมีพวกน้อยที่สุดได้อย่างไร เพราะการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันในองค์กรเป็นกลุ่มการเมืองไม่มีทางที่จะทำให้บริษัทเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ผู้นำจึงไม่อาจเลือกที่รักมักที่ชัง จะเลือกสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษไม่ได้เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ยุติธรรมและก่อให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายตามมาในที่สุด ตรงกันข้ามกับการให้โอกาสและความเสมอภาคกับทีมงาน ทำงานอย่างโปร่งใส ทุกคนจึงรู้สึกเท่าเทียมกัน การทำงานก็ย่อมราบรื่นกว่า

การบริหารแบบวันแมนโชว์แทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบัน เพราะความซับซ้อนในการทำธุรกิจที่มากกว่าเดิมทำให้เราต้องเน้นการทำงานเป็นทีมมากกว่า ผู้บริหารที่ดึงพลังมาจากทีมงานที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้จึงมีโอกาสมุ่งสู่ความสำเร็จได้มากกว่า

ข้อสุดท้าย ต้องกล้าตัดสินใจ แม้ว่าบางครั้งทิศทางที่เราต้องเดินไปนั้นอาจไม่ตรงกับใจของหลาย ๆ คน แต่จังหวะและโอกาสที่เกิดขึ้นนั้นมีจำกัดมาก ๆ บทบาทของผู้นำคือต้องรีบคว้าโอกาสไว้แม้คนในทีมอาจคิดตามเราไม่ทันก็ตาม ดังนั้น เมื่อกล้าตัดสินใจก็ต้องกล้ารับผลจากการตัดสินใจนั้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิดก็ตาม ยิ่งถ้าผิดก็ยิ่งต้องรับผิดชอบเต็มร้อย จะปล่อยให้เป็นปัญหาของคนในทีมไม่ได้ หรือถ้าเป็นเรื่องที่ถูกเราก็อาจจะใช้การตัดสินใจในวันนั้นมาเป็นครูเพื่อสอนให้เขาเก่งขึ้นได้ในอนาคต

ทั้งหมดนี้ เป็นคุณสมบัติของผู้นำที่เราจะเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปกติในชีวิตการทำงาน แต่คนที่จะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดได้เป็นอย่างดีนี่เองจะกลายเป็นผู้นำองค์กรต่อไปในอนาคต