คำสาปของทองคำกำลังจะเข้าผสมโรง

คำสาปของทองคำกำลังจะเข้าผสมโรง

คณะรัฐมนตรีชุดใหม่แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์มากขึ้น มาตรการประชานิยมจำพวกแจกเงินและสร้างแรงจูงใจให้ใช้จ่าย

ที่รัฐบาลหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นมองได้ว่าเป็นการต่อยอดนโยบายในกรอบแนวคิดเก่าซึ่งรัฐบาลเริ่มนำเข้ามาใช้เมื่อปี 2544 ในช่วงเวลา 15 ปี คอลัมน์นี้ชี้ให้เห็นบ่อยครั้งว่าแนวคิดเก่านั้นแสนอุบาทว์เพราะมันทำให้หลายชาติล้มละลายและพัฒนาต่อได้ยาก ล่าสุดเป็นเวเนซุเอลาซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม มาตรการจำนวนมากจากปี 2544 ชี้บ่งว่าคณะรัฐมนตรีไทยในทุกรัฐบาลปิดหูปิดตา หรือไม่ยอมรับว่าแนวคิดเก่านั้นอุบาทว์ ซ้ำร้ายคนไทยส่วนใหญ่เสพติดประชานิยมแล้ว

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีทั้งเพื่อหวังผลในระยะสั้นและระยะยาว สำหรับในระยะสั้น นอกจากมาตรการจำพวกแจกเงินทันทีแล้วยังมีแนวคิดที่จะให้เปิดสถานบริการและสถานบันเทิงถึงตี 4 มาตรการนี้จะดีหรือร้ายคงไม่ต้องวิจารณ์ ส่วนมาตรการระยะยาว แนวคิดที่จะถมอ่าวไทยเพื่อใช้เป็นฐานของโรงงานอาจวิจารณ์ได้จากหลายแง่มุม แต่วันนี้มีข้อสังเกตให้คิดเพียงข้อเดียว กล่าวคือในสมัยเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เรืองอำนาจ เขาบังอาจหลายอย่างรวมทั้งถมอ่าวมะนิลา ผลได้แก่ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในภาวะ “คนป่วยแห่งเอเชีย” (Sick Man of Asia) ตอนนี้ฟิลิปปินส์มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นเป็นปกติแล้ว เป็นไปได้ว่าไทยจะรับช่วงเป็นคนป่วยต่อจากเขา

อีกหนึ่งมาตรการได้แก่เรื่องจะอนุญาตให้เปิดเหมืองจำนวนมากรวมทั้งเหมืองทองคำซึ่งแห่งหนึ่งเคยมีปัญหามาแล้ว ทองคำทำประโยชน์ได้ แต่ในขณะเดียวกันมันมีคำสาปร้ายแรงแฝงอยู่ด้วย

คำสาปของทองคำมีตำนานหลากหลาย ในสมัยชาวยุโรปเริ่มอพยพเข้าไปในทวีปอเมริกา ชาวสเปนมุ่งหน้าค้นหาทองคำเป็นหลัก เนื่องจากอาณาจักรอินคาได้ค้นหาทองคำจากธรรมชาติมาสะสมไว้มากมายในรูปต่างๆ รวมทั้งภาชนะและเครื่องประดับ ชาวสเปนจึงเข่นฆ่าชาวอินคาจำนวนมากเพื่อชิงทองคำนั้นแล้วบรรทุกเรือส่งกลับสเปน เรือส่วนหนึ่งถูกปล้นโดยโจรสลัด ส่งผลให้คนถูกฆ่าอีกรอบ

ในยุคปัจจุบัน การค้นหาทองคำในธรรมชาติยังเป็นไปอย่างเข้มข้นและการปล้นฆ่าเพื่อชิงทองคำยังเกิดขึ้นในหลายภาคของโลกทั้งที่มันมีค่าอยู่ในอุปาทานของเราเท่านั้น ข้อมูลของสภาทองคำโลกบ่งว่าในปัจจุบันมีการนำทองคำออกมาจากธรรมชาติ 2,500-3,000 ตันต่อปี เนื่องจากทองไม่เป็นสนิมหรือละลายหายไป มันจึงถูกสะสมเพิ่มขึ้นจนในขณะนี้โลกมีทองคำที่นำออกมาจากธรรมชาติแล้วราว 2 แสนตัน เราใช้ทองคำทำประโยชน์จริงๆ เพียงราว 10% เช่นในการทำเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ นอกเหนือจากนั้นมันมีค่าอยู่ในอุปาทานของเราเท่านั้น นั่นคือเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ในรูปของเครื่องประดับ ส่วนที่เหลือถูกเก็บไว้ในรูปของทองแท่งและเหรียญตามธนาคารกลางของบางประเทศและโดยนักเก็งกำไร

คำสาปของทองคำเริ่มจากกระบวนการนำมันออกมาจากธรรมชาติซึ่งมักต้องทำลายป่า ภูเขา พื้นดินและสายน้ำในการทำเหมือง นอกจากนั้นมีการใช้สารที่เป็นอันตรายในการแยกทองออกจากดิน หินและทราย เช่น ปรอทและไซยาไนด์ สารเหล่านี้มีพิษต่อคนทั้งโดยทางตรงและโดยผ่านห่วงโซ่อาหารจำพวกปลา หลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายในกระบวนการทำให้มันเป็นแท่ง เป็นเหรียญ และเป็นเครื่องประดับ เมื่อทำเสร็จแล้วต้องขนมันไปเก็บไว้ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งสร้างขึ้นโดยเฉพาะ การเก็บนี้มีค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า หรือค่ารักษาความปลอดภัยในหลายรูปแบบ กระนั้นก็ตาม ระบบความปลอดภัยมิเคยทำได้เต็มร้อย การปล้นฆ่าจึงเป็นปรากฏการณ์ที่มีให้เห็นเป็นประจำตามด้วยค่าใช้จ่ายในการตามจับคนร้ายและการคุมขัง

ย้อนไปก่อนเมืองไทยจะเข้าสมัยเร่งรัดพัฒนา หรือกว่า 60 ปีแล้ว ม.จ.สิทธิพร กฤดากร เตือนว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง จากวันเริ่มเร่งรัดพัฒนา เป็นที่ประจักษ์ว่ารัฐบาลไทยมิเคยให้ความสำคัญแก่คำเตือนของท่านแม้แต่แค่เหลียวดู การเปิดให้ทำเหมืองทองคำจะเป็นการเปิดโอกาสให้คำสาป หรือมายาของมันผสมโรงกับความเลวร้ายของนโยบายประชานิยมแบบเข้มข้น ผลดีจะมีน้อยกว่าผลร้าย