ส่อแห้วซักฟอก “บิ๊กตู่” ปมถวายสัตย์

ส่อแห้วซักฟอก “บิ๊กตู่” ปมถวายสัตย์

ในฐานะที่ “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 อ่อนประสบการณ์กว่า ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ

และ สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ต้องรับบทหนังหน้าไฟ กลั่นกรองกระทู้ถามสด-ญัตติอภิปรายของ “7 พรรคฝ่ายค้าน”

บทบาทของ “ครูแก้ว” ไม่ต่างจากตัวชนที่จะคอยสกรีนให้กับ ชวน-สุชาติ เพราะถือว่าแบกความเสี่ยงน้อยที่สุด หากจะให้ นายหัวชวน มาชนกับ “7 พรรคฝ่ายค้าน โดยตรง มีหวังถูกลากให้มาปะทะกันบ่อย จนอาจจะถูกนำไปปั่นกระแสวางตัวไม่เป็นกลาง

ไม่ต่างจาก พ่อมดดำ หากลากลงมาสู้รบปรบมือกับ “7 พรรคฝ่ายค้าน มากเกินไป จะถูกมองว่าพวกมากลากไป เป็นรองประธานสภาแต่เข้าข้างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หวยจึงออกที่ “ครูแก้ว” ที่จะรับบทหนังหน้าไฟ

เช่นเดียวกับกรณี 214 ส.ส.จาก “7 พรรคฝ่ายค้าน ที่ยื่นหนังสือเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

แม้ นายหัวชวน จะรับเรื่อง แต่คนกลั่นกรองคือ “ครูแก้ว” เหมือนเคย ซึ่งต้องรอดูเหลี่ยมการเมืองของ “ครูแก้ว” จะยอมปล่อยผ่าน หรือจะยื้อทอดเวลาให้ออกไปนานที่สุด เพื่อรอให้รัฐบาลเซ็ตเกมเล่นใหม่ได้นานแค่ไหน

ว่ากันว่าให้จับตาดูท่าทีของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะพิจารณากรณีดังกล่าวในวันที่ 27 ส.ค.นี้ โดยมีโอกาสสูงที่จะส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจะมีแนวทางปฏิบัติจากปมถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนอย่างไรบ้าง

ทว่าเมื่อถึงขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และหากมีมติรับเรื่องไว้พิจารณา ก็จะเข้าทาง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะสามารถอ้างได้ว่าไม่เป็นต้องชี้แจงญัตติของ “7 พรรคฝ่ายค้าน” เนื่องจากอาจจะเป็นการชี้นำศาลได้ เช่นเดียวกับกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องวินิจฉัยปมสถานะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่

โดยจะเห็นว่าการแถลงนโยบายรัฐบาล แม้ “7 พรรคฝ่ายค้าน” จะจ้องถล่มปมเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ถูกประธานสภา-ส.ส.รัฐบาล ทัดทานเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะโดนข้อหาชี้นำการพิจารณาของศาล ทำให้ “7 พรรคฝ่ายค้าน” ต้องยอมถอย

ดูจากไทม์มิ่งคงยากที่ “7 พรรคฝ่ายค้าน” จะได้อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ปมถวายสัตย์ไม่ครบ

โดย... หมัดเมา