กำจัดสิ่งที่รู้กันบ้างเถอะ

กำจัดสิ่งที่รู้กันบ้างเถอะ

ถ้าเราไม่รู้บางอย่างจากเครือข่ายสังคม ลืมบางอย่างที่เคยได้พบได้เห็นจากกลุ่มไลน์ไปบ้าง เ

เราจะทำงานกับคนบางคน หรือวงการบางวงการได้ดีขึ้นหรือไม่ เคยรู้บางเรื่องจากใครก็ไม่รู้ที่เจอกันแค่ในเฟซบุ๊ค มานินทาให้ฟังว่าคนนั้นแย่อย่างนั้นอย่างนี้ หลักฐานชัดๆ ก็ไม่ได้เห็นด้วยตัวเราเอง มีแค่เรื่องราวนินทาที่ดูเหมือนจะจริงจังในมโนของเรา มีความรู้เรื่องนี้แล้วจะทำงานกับใครคนนั้นก็ไม่ค่อยสนิทใจแล้ว กังวลอยู่ตลอดว่าใครคนนั้นจะทำอะไรแย่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก การงานเลยได้ไม่เต็มศักยภาพ เพราะศักยภาพถูกลดทนไปด้วยสิ่งรบกวน คือความไม่ชอบที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ได้รู้

ต้องตระหนักไว้เสมอว่าโลกดิจิทัลในปัจจุบันเปิดโอกาสให้ทั้งคนปกติและไม่ปกติได้มีปากมีเสียงอย่างกว้างขวางกว่าแต่ก่อนมากมายนัก ใครสักคนสามารถเสนอความรู้ในเรื่องที่ใครคนนั้นมโนขึ้นมาเองแทบทั้งหมด ให้กับผู้คนจำนวนมากมายได้ เพียงแค่เรื่องนั้นตรงกับจริตของคนจำนวนหนึ่ง แล้วคนเหล่านั้นช่วยกันแชร์ต่อไปในวงการ โลกดิจิทัลมีปรากฏการณ์สำคัญอย่างหนึ่ง คือเครือข่ายขยายด้วยได้เร็วมาก ความรู้ที่มาจากอกุศลจิตของใครบางคนสามารถมาเป็นส่วนหนึ่งในธนาคารความรู้ของเราได้เสมอ โดยที่บางทีก็ไม่รู้ว่าเราเก็บความรู้นั้นไว้ทำไม

ซึ่งต่อให้มีอีกกี่ศูนย์ปฏิบัติการ ลงเงินทองไปกี่ล้าน ความรู้ที่มาจากอกุศลจิตของใครบางคน ก็จะยังมาถึงตัวเราอยู่ดี โลกดิจิทัลไม่ต่างไปจากโลกจริงๆ ที่เราอยู่กันนี้ ที่มีทั้งจุลชีพที่มีประโยชน์และมีโทษ แต่โลกนี้ไม่อาจกำจัดเชื้อโรคทั้งปวงให้หมดไปได้ ห้องปลอดเชื้อที่ว่าแน่ๆ วันดีคืนดียังมีจุลชีพบางอย่างหลุดเข้าไปได้ ไม่มีการกลั่นกรองใดๆ ที่จะกำจัดความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ให้หมดไปจากโลกดิจิทัลได้ เพราะคำว่าไม่เป็นประโยชน์นั้นขึ้นกับว่าใครคือคนวินิจฉัย หนทางเดียวที่เราจะทำการงานหรือดำรงชีวิตอย่างเต็มศักยภาพของเราได้ในวันนี้ คือเราต้องกำจัดความรู้ที่เป็นสิ่งรบกวนชีวิตการงานด้วยตัวเราเอง

สิ่งที่รับรู้มามากมายหลายอย่างนั้น บางอย่างที่ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรไปมากกว่า รู้แล้วสะใจ รู้ว่าตื่นเต้น รู้แล้วเอาไปนินทากันต่อได้ ดูเหมือนว่าจะแย่งที่เก็บความรู้ในสมองเราไปไม่น้อย ถ้าจะเหมือนได้ดูหนังดูละคร ก็ไม่ต้องจดจำไว้นานนัก และอย่าเอาความรู้เหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของการงาน ดูหนังมาแล้วได้ความรู้จากในหนังว่า ผู้บริหารจะคอยเอาเปรียบพนักงานอยู่เสมอ นายทุนใหญ่คอยเอาเปรียบผู้ประกอบรายเล็กรายน้อย พอทำงานก็ตั้งข้อกังวลไว้ล่วงหน้า ปากกับใจชักไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าจะทำงานกับใครแล้วต้องมองใครคนนั้นว่าเป็นคนดีคนวิเศษ แต่บอกว่าอย่าเอาความรู้จากสารพัดเครือข่ายสังคมมาตัดสินว่าคนที่เราทำงานด้วยนั้นดีหรือเลว ล่วงหน้าก่อนที่จะได้ทำงานด้วยกันอย่างจริงจัง

นอกจากมโนเกี่ยวกับคนแล้ว ความรู้ที่สะสมไว้ในตัวเรายังมีอีกหลายเรื่องที่ลดทอนศักยภาพในการทำงานของเรา แค่ไปอ่านเรื่องฤกษ์งามยามดีมาจากใครสักคนบนเน็ต แล้วมีคนคอมเมนต์ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าดีจริงหรือเปล่า เพราะเราไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่าคนนั้นบอกอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเรารับความรู้นี้ไว้เป็นส่วนหนึ่งของการงาน หรือวิถีชีวิต คราวนี้จะทำอะไรเวลาไหนก็ไม่ง่ายเหมือนก่อน ยิ่งถ้าครั้งไหนสักครั้งที่ทำไม่ตรงกับเวลาดีๆ ตามฤกษ์ยามแล้วการงานผิดพลาด การงานต่อไปจะยากขึ้นไปอีก เพราะมีตัวประกอบสำคัญที่ต้องพิจารณาเพิ่มขึ้นมา

ถ้าอยากทำงานการอย่างเต็มศักยภาพ ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์ตามที่ควรจะเป็น ให้พยายามปฏิเสธความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่รู้ว่ารู้ไปแล้วจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง พร้อมกับปลดปล่อยความรู้เก่าๆ ที่เป็นแค่สิ่งรบกวนที่สะสมไว้ลงไปบ้าง ลดที่หัวสมองไม่ได้ ก็ลดที่เก็บไว้ในไลน์ ในเฟซบุ๊ค ในสมาร์ทโฟน ลงไปบ้างก็ยังดี