เตรียมปรับเป้า SET ลงอีก    

เตรียมปรับเป้า SET ลงอีก    

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีฯลงมาตามแนวรับ 1,650 จุด จากแรงขายหุ้น ปิโตรเคมี โรงกลั่น ที่รายงานกำไรแย่กว่าคาด

บวกกับ กลุ่มธนาคารใหญ่ที่ลงแรง จากความเสี่ยงการปรับกำไรลงตามทิศทางดอกเบี้ย หลัง กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.5%...

เรายังคงคาดว่าดัชนีฯ มีความเสี่ยงขาลง จากการปรับลดคาดการณ์กำไรของ บจ.ใหญ่ลง โดยเฉพาะ กลุ่มที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก อย่างเช่น ปิโตรเคมี โรงกลั่น น้ำมัน ถ่านหิน ส่งออก ธนาคารใหญ่

กลยุทธ์ แนะนำ โฟกัสไปที่ 1) หุ้นรายตัว ที่เป็น ดาวเด่น จากกำไร 2Q ถึงครึ่งปีหลัง และ 2) หุ้นที่คาดรายงานกำไร ดี หรือ Bottom out ซึ่งเรายังเห็นโอกาสในการลงทุนสำหรับหุ้น เหล่านี้ อีกหลายตัว    

ปัจจัยและประเด็นการลงทุน

# 01. Earnings 2Q19…beats Vs. MISS  

จาการรวบรวมกำไร บจ.ไตรมาส 2 ตั้งแต่วันแรก ถึงเช้าวันศุกร์ (9 สค.) ที่ผ่านมา เราพบว่ามีจำนวน บจ. ใน BLS Universe ที่ (1) กำไรดีกว่าคาด คิดเป็น 29% และที่แย่กว่าคาด 36% (2) บจ.ที่ปรับกำไรขึ้นมี 7% เราปรับกำไรลง 25% และคงคาดการณ์กำไรไว้มี 68%

(+) หุ้นที่รายงานกำไร เติบโตโดดเด่น และอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เช่น TFG GFPT ADVANC INTUCH DTAC CBG NETBAY SF VGI ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการบริโภคการลงทุนภายในประเทศ

(-) สำหรับ หุ้นที่รายงานกำไร แย่กว่าคาด เช่น SCC IRPC PTTGC SPRC IVL SAT STANLY ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ มีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกขาลง และเราคาดว่าจะได้เห็นการปรับประมาณการณ์กำไร ครึ่งหลังของ หุ้นในกลุ่มเหล่านี้ลงอย่างต่อเนื่อง

 # 02. Earnings warning for 2H19

คาดแนวโน้มกำไร หุ้นธนาคารใหญ่ ประกันชีวิต จะถูกกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยลง โดยเราคาดว่าจะได้เห็น กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้ง 0.25% ภายใน 3 เดือน ข้างหน้า ล่าสุด BLS Research ได้มีการ ทบทวนประมาณการณ์กำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลงแล้ว…

โดย เราปรับลดประมาณการกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ เพื่อสะท้อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ลง 25bps แต่หุ้นกลุ่มการเงินรายย่อย ได้แก่ SAWAD, MTC, และ KTC และหุ้นกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ (TISCO และ KKP) ยังคงได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากมีรายได้ดอกเบี้ยรับคงที่แต่สามารถลดต้นทุนจากแหล่งเงินกู้/หุ้นกู้ระยะสั้นที่มีดอกเบี้ยต่ำ

ปรับลดกำไรกลุ่มธนาคารปีนี้ ลง 2.7%

จากสมมติฐานการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เหลือ 1.25% ในปลายปี 2019 เราจึงปรับประมาณการกำไรรวมของกลุ่มธนาคาร ปี 2019-20 ลง 2.7% และ 4.8% ตามลำดับ

แต่ TISCO KKP เราปรับคาดการณ์กำไรเพิ่ม ราว 1.6-1.1% (ตามลำดับ) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินของทั้งสองธนาคารคือตั๋วเงิน/หุ้นกู้ระยะสั้น ซึ่งจะมีต้นทุนต่ำลง ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อที่มีสัญญาเช่าซื้อระยะยาวส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดังนั้นเราคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะขยายตัวจากบรรดาหุ้นสินเชื่อเช่าซื้อขนาดใหญ่มีเพียง TCAP ซึ่งเป็นผู้ที่มีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อราว 50% ของสินเชื่อรวมและสามารถลดผลกระทบของพอร์ตสินเชื่อ SME และ บรรษัทขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการกำไรปี 2562 ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ผู้ปล่อยสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารจะได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลง

เราคาด SAWAD, KTC, MTC, TK, และ JMT จะได้ประโยชน์จากการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อในอัตราคงที่ (ผู้จำหน่ายสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับสัญญามากกว่า 18 เดือน) ในขณะที่ต้นทุนเงินทุนคือเงินกู้ระยะสั้น (ซึ่งสามารถต่อได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเมื่อครบกำหนด) ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยขยายตัวขึ้น นอกจากนี้นอนแบงค์ ไม่ได้ถูกกำกับ โดย ธปท.  ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมอัตราเงินกู้ของ ธปท.

และ เราคาดว่ากำไรที่น่าผิดหวังของหุ้น โรงกลั่น ปิโตรเคมี น้ำมัน ถ่านหิน จะมีผลต่อแนวโน้มการปรับลดคาดการณ์กำไรในครึ่งปีหลังนี้

# 03. คาดเป้าหมายดัชนีฯ SET มีความเสี่ยงปรับลงต่อ…  

จากรายงานกำไรที่แย่กว่าคาด ของกลุ่มหลักๆ ที่กล่าวมาใน #02 เราคาดว่า Consensus จะมีการปรับลด EPS ดัชนีฯ SET ปี 2019-20 ลงจากปัจจุบันที่ 104.2-115 ตามลำดับ

และ ในส่วนของเราจากปัจจุบันที่ 105-113 คาดว่าจะปรับลงเช่นกัน ในเบื้องต้น คาดอาจลงมาถึง 101-109 คาดเป้าหมาย ดัชนีฯใหม่ ปี2019-20 มีโอกาสปรับลงอีก ราว 3-4% (อิง PE 16 เท่า ตามสมมุติฐานกรอบ PE ด้านบน)