'แม่' คือ 'ผู้นำ' ที่ยากที่สุดในโลก

'แม่' คือ 'ผู้นำ' ที่ยากที่สุดในโลก

เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ดิฉันได้รับบทบาทหนึ่งซึ่งสำหรับดิฉันแล้วมองว่าเป็นบทบาทที่ยากที่สุดในชีวิต นั่นก็คือบทบาท “แม่”

บทบาท “แม่” ไม่ต่างอะไรกับบทบาท “ผู้นำ” ทุกวันเรานำลูก ๆ พวกเขาเห็นเราทุกวัน และพยายามเลียนแบบ บ่อยครั้งที่ดิฉันเห็นภาพลูกสาวเอาเท้าเล็ก ๆ ใส่รองเท้าส้นสูง สะพายกระเป๋า เดินได้บ้างล้มบ้าง หรือเอารีโมททีวีมาถือทำเป็นคุยโทรศัพท์

ในชีวิตดิฉัน ได้รับโอกาสให้ทำงานในบทบาทผู้นำองค์กรตั้งแต่อายุยังน้อย ได้มีโอกาสเจอคนหลากหลาย มีโอกาสทำงานกับคนเก่ง ๆ มากมาย เจอความท้าทายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องบอกเลยค่ะว่า บทบาท “แม่” ถือเป็นบทบาทที่ท้าทายที่สุด

เหตุผล 3 ข้อ ที่บทบาท “แม่” ถือเป็นบทบาท “ผู้นำ” ที่ยากที่สุดในโลก

1. ความคาดหวังไม่ชัดเจน ในบทบาทผู้นำ เรามักรู้ว่าองค์กรคาดหวังอะไรจากเรา เมื่อรู้ถึงความคาดหวัง เราก็สามารถกำหนดเป้าหมาย วางกลยุทธ์ และสร้างแผนเพื่อไปสู่เป้าที่วางไว้ เมื่อเป้าชัด แผนชัด การวัดความสำเร็จก็ทำได้ง่าย แต่สำหรับบทบาทแม่นั้นความสำเร็จนั้นวัดผลยาก ไม่มีใครมาบอกว่าคาดหวังอะไรจากดิฉัน และไม่มีอะไรมาการันตีว่าหากเราทำตามแผนนี้ ความสำเร็จหน้าตาเป็นอย่างไร โตมาลูกเราจะเป็นอย่างไร

2. ถึงเป้าไม่ได้แปลว่าได้รางวัล ในบทบาทผู้นำ เมื่อทำงานสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ สิ่งที่ได้กลับมาคือคำชม มีหลายต่อหลายงานที่เราในฐานะผู้นำ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีม และเมื่อทีมทำงานหนัก ประสบความสำเร็จ คำชื่นชมนั้นก็ถูกส่งมาถึงผู้นำทีมเช่นกัน สำหรับบทบาทแม่นั้น แม้ฉันจะทำงานหนัก ทำทุกอย่างตามแผน แต่ผลลัพธ์อาจไม่ได้เป็นบวกเสมอไป เช่น เช้าวันหยุดพาลูกสาวไปเที่ยวสวนสัตว์ กลางวันพาไปทานอาหารในร้านที่พวกเขาชอบ บ่ายพาไปเล่นบ้านเพื่อน ลูก ๆ มีความสุขสนุกสนาน แต่ตกเย็นดิฉันอาจต้องเจอลูกสาวอารมณ์เสียไม่ยอมกินข้าวเย็น ไม่ยอมดื่มนม ไม่ยอมเข้านอนก็ได้

3. ไม่มีวันเกษียณ ทุก ๆ บทบาทผู้นำที่ฉันได้รับมีวันสิ้นสุด ช้าบ้างเร็วบ้างขึ้นอยู่กับความคาดหวังที่ได้รับ สภาพแวดล้อม รวมถึงลักษณะของทีมและองค์กรเอง ความงดงามของเราในฐานะผู้นำคือการบ่มเพาะผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อให้เขาสามารถพัฒนาศักยภาพ เติบโตและสำเร็จในบทบาทใหม่ที่ใหญ่กว่า เมื่อเราพัฒนาเขาจนสามารถเติบโตตามแผนที่วางไว้ หน้าที่ของเราก็ถือว่าจบลง แต่บทบาทแม่ทำเช่นนั้นไม่ได้ แม้ลูกจะโตไปเป็นสาวทำงานเองหรือมีครอบครัวเป็นของตัวเอง เขาก็ยังต้องการการสนับสนุนจากเรา ในโลกการทำงาน บางงานหากเราไม่อยากทำ เราก็ยังหาคนอื่นมาทำแทนได้ แต่บทบาทแม่ เราทำอย่างนั้นไม่ได้เลย

บ่นไปขนาดนี้ แต่ดิฉันก็ทำบทบาทนี้มา 9 ปี ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ควบคู่ไปกับการทำงานประจำในฐานะ Working Mom

ดิฉันเชื่อว่า แม่ทุกคนบนโลกนี้ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ตาม ต่างเหน็ดเหนื่อยกับบทบาทนี้ไม่ต่างกัน ภายใต้ความเหน็ดเหนื่อยนี้สิ่งที่พวกเราได้รับเหมือนกันคือความสุข ซึ่งถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ ความสุขภายใต้ความคาดหวังที่ไม่ชัดเจน ความสุขแม้จะรู้ว่าทำไปก็ไม่ได้รางวัล ความสุขที่จะได้ทำบทบาทนี้ไปตลอดชีวิต เพราะเรามั่นใจได้ว่าเราจะไม่ถูกไล่ออก หรือโดนย้ายไปทำงานอื่น