เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ควรเน้นลงทุนเรื่องคน

เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ควรเน้นลงทุนเรื่องคน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่คลุมเครือเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

 ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากความไม่แน่นอนและความเสี่ยงของสถานการณ์จากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากสงครามการค้าและการเงินระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทยเป็นวงกว้าง ทั้งการผลิต การส่งออก และการท่องเที่ยว ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้องค์กรธุรกิจหลายแห่งเริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรองรับอนาคตที่ไม่สามารถบอกได้

อย่างไรก็ดีปัจจัยที่สำคัญมากซึ่งผู้บริหารมักจะละเลย แต่ส่งผลต่อความสำเร็จและล้มเหลวขององค์กรธุรกิจ คือเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งจากกรณีศึกษาขององค์กรชั้นนำในโลกหลายแห่ง ที่ผ่านช่วงวิกฤตต่างๆ มาได้และกลับมาเติบโตได้ดีกว่าเดิมนั้น ต่างระบุเหมือนกันว่า วัฒนธรรมองค์กร เป็นเบื้องหลังที่สำคัญต่อความสำเร็จดังกล่าว และประเด็นสำคัญที่องค์กรเหล่านั้นต่างมุ่งเน้นเหมือนกันในวัฒนธรรมองค์กร คือ การให้ความสำคัญกับเรื่องของคน

เมื่อเศรษฐกิจหรือผลประกอบการไม่ดี ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องคน มักจะเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายต้นๆ ที่องค์กรส่วนใหญ่จะตัดไปก่อน แต่ถ้าองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับคนนั้น ในช่วงที่ผลประกอบการไม่ดี องค์กรเหล่านั้นจะไม่ตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคนลงไป แถมยังจะลงทุนเข้าไปในด้านคนเพิ่มมากขึ้น ทั้งเพื่อดึงดูดพนักงานที่มีความรู้ ความสามารถ (ที่ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรืองจะไม่สามารถจ้างได้) อีกทั้งการลงทุนและให้ความสำคัญในด้านคน ในช่วงที่องค์กรต้องเผชิญความยากลำบากนั้น จะทำให้ได้ใจบุคลากร ซึ่งจะนำไปสู่ความผูกพันและภักดีกับองค์กรมากขึ้น

มีงานวิจัยที่พบว่าการอบรมและพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความผูกพันของพนักงาน ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้งบประมาณในการพัฒนาบุคลากร จึงไม่ควรเป็นเป้าหมายแรกๆ ในการตัดเมื่อองค์กรประสบปัญหา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจาก Harvard Business School ที่พบว่าองค์กรที่มุ่งเน้นแต่การปลดหรือลดพนักงาน (ในช่วงที่ผลประกอบการไม่ดี) มีโอกาสความเป็นไปได้เพียงแค่ 11% ที่จะสามารถพลิกฟื้นให้รุ่งเรืองได้อีกครั้งหลังผ่านพ้นช่วงวิกฤต งานวิจัยชิ้นเดียวกันยังพบว่า ขวัญและกำลังใจของพนักงานจะดีกว่าในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพ พนักงานในองค์กรเหล่านี้จะมีความเชื่อถือและมั่นใจต่อผู้บริหารระดับสูงที่ยังคงทุ่มเทให้กับพนักงานแม้ในช่วงวิกฤต ซึ่งจะนำไปสู่การที่พนักงานเหล่านี้ก็จะร่วมแรงร่วมใจและพยายามหาวิธีการต่างๆ นานาในการช่วยลดต้นทุนขององค์กรในที่สุด

มีตัวอย่างของบริษัท Nucor ที่เป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของสหรัฐ ที่ในช่วงวิกฤตนั้นบริษัทไม่ยอมปลดพนักงาน แต่ขณะเดียวกันจะต้องมีการลดรายได้ที่พนักงานจะได้รับ สิ่งที่ผู้บริหารของ Nucor ทำคือยอมที่จะลดเงินเดือนและค่าตอบที่ตนเองจะได้รับก่อนที่จะไปลดของพนักงาน ทั้งนี้เนื่องจากทางบริษัทให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอย่างมากและมีนโยบายที่ชัดเจนว่าก่อนที่จะลดค่าตอบแทนของพนักงานได้นั้น จะต้องลดค่าตอบแทนของผู้บริหารลงก่อน นอกจากนี้ในช่วงวิกฤตทาง Nucor ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ซึ่งสุดท้ายเมื่อเศรษฐกิจพลิกฟื้น Nucor ก็สามารถกลับมามีผลประกอบการที่โดดเด่นและล่าสุดในปี 2018 ก็มีทั้งยอดขายและกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดังนั้นในช่วงสภาวะของความแน่นอนทางเศรษฐกิจเช่นในปัจจุบัน ผู้บริหารควรจะหันมาให้ความสนใจและสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรมากขึ้น โดยควรที่จะมุ่งเน้นและความสำคัญกับเรื่องของบุคลากร ทั้งการแสวงหาและลงทุนในด้านบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาและอบรมบุคลากร เพราะสุดท้ายจะนำไปสู่การได้มาซึ่งพนักงานที่มีทักษะที่เป็นที่ต้องการและพนักงานที่มีความผูกพันกับองค์กร นอกจากนี้ในยุคของความยากลำบากในการหาช่องทางการเติบโต องค์กรอาจจะกลับไปเน้นในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในการดำเนินงานในด้านต่างๆ แทน