ดูแล้วครับ “The great hack”

ดูแล้วครับ “The great hack”

จะบอกว่าได้ชมสารคดีเรื่อง “The great hack” ก่อนหน้าที่ท่านพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จะออกมาแนะนำพวกเราให้หามาชมกันก็เป็นความจริง

 แต่ไม่น่าจะได้ประโยชน์เท่ากับการนำสาระสำคัญที่ได้ชมพร้อมกับวิเคราะห์เปรียบเทียบสถานการณ์ในบ้านเราและเรื่องอื่นที่ใกล้เคียงกันน่าจะได้น้ำได้เนื้อมากกว่า

ท่านที่อ่านบทความอยู่นี้ ขอให้ทราบว่าผมเขียนในเวลาที่เดินทางมาเยี่ยมอาจารย์ที่ร่วมถกเถียงปัญหาสัพเพเหระมาเกือบ 10 ปีในเวลาที่ผมเรียนปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด การที่ผมได้มาเรียนที่นี่ส่วนหนึ่งเพราะอาจารย์ของผมสนใจเรื่องของเมืองไทยมาก ผมมาคราวนี้มีโอกาสได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งสถานการณ์ในประเทศไทยและบ้านใกล้เรือนเคียง รวมทั้ง The great hack ที่ว่านี้ด้วย

น่าอัศจรรย์ใจมากที่อาจารย์ของผมอายุจะ 90 แล้ว แต่รู้เรื่องในเมืองไทยติดตามข่าวสารมิได้ขาด แต่ข้อมูลลึกๆ หลายอย่าง เช่น การร่างรัฐธรรมนูญ การเรียกร้องของบางฝ่ายให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการได้ข้อมูลบางเรื่องที่เมื่อเราได้แลกเปลี่ยนกัน ทำให้เชื่อได้ว่ามาจากกระบวนการบิดเบือนของผู้ที่มีศักยภาพในการใช้ทรัพยากรสื่อ ทั้งสื่อ บุคลากรที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ และสื่อสังคม (social media)ต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเช่นเดียวกับการที่ฝ่ายการเมืองในสารคดีได้มีการว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งที่อ้างความสามารถในการเข้าถึงฐานข้อมูลส่วนบุคคล ที่เรารู้ความจริงในเวลาต่อมาว่า Facebook ถูกกล่าวหาว่าละเลยและไม่ดำเนินการปกป้องฐานข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่ควร กระทั่งเป็นข่าวคราวถูกปรับเป็นเงินจำนวนมหาศาลเมื่อเร็วๆ นี้

มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด มีคติพจน์สำคัญเป็นภาษาละติน แปลเป็นไทยได้ว่า ภูมิปัญญาความคิด ความรอบรู้ เป็นหนทางแห่งแสงสว่าง โลกยุคนี้จึงเป็นเวลาของการช่วงชิงองค์ความรู้ เรียกว่าใครกำข้อมูลหรือ รู้เขา รู้ตัวเอง” ได้ดีกว่าย่อมได้เปรียบคู่แข่งขัน ยิ่งรู้มากและบริหารจัดการข้อมูลมหาศาลเหล่านั้น (big data) ที่กระจัดกระจายอยู่มากมายให้เป็นระเบียบนำมาใช้ประโยชน์ในสิ่งที่ต้องการอย่างได้ผล ก็ยิ่งสร้างพลานุภาพได้ยิ่งนัก

คิดดูแล้วกันว่าคนอย่างอาจารย์ของผมที่อยู่ห่างบ้านเมืองของเราในอีกซีกโลกหนึ่ง ยังมีฐานความคิดและความเข้าใจในเรื่องเมืองไทยไปในแนวทางเดียวกับฝ่ายที่เรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรื่องอื่นๆ ที่โจษจันกันในสังคมเราขณะนี้ กระทั่งต้องใช้เวลาทั้งบนโต๊ะอาหารและระหว่างเดินไปคุยไป จึงทราบได้ว่ากระบวนการปล่อยข่าวลวง ข่าวเท็จ ข่าวปลอมต่างๆ เขาทำกันผ่านกลุ่มนักวิชาการที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งในและต่างประเทศมานานแล้ว พวกนี้จะตระเวณเดินสายประชุมสัมมนา เดินทางไปในที่ต่างๆ อาศัยสถานะและอาจด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว รวมทั้งเป็นความประสงค์ของรัฐชาตินั้นๆ ที่ต้องการบางสิ่งบางอย่างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเรา เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในฮ่องกง

เขาอาศัยคนเหล่านี้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีสถานะ ช่วงชั้นต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ตวามต้องการให้เหมาะกับสิ่งที่อยากให้เกิดแรงกระเพื่อม แล้วผลักดันหรือโหมกระหน่ำด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านองค์กรอิสระข้ามชาติ เอ็นจีโอด้านสิทธิมนุษยชน ทำให้คนที่อาจได้ข้อมูลไม่รอบด้านคล้อยตาม จึงเป็นที่มาของชัยชนะในการเลือกตั้งทั้งของทรัมป์สหรัฐ รวมถึงการผ่านประชามติเรื่องเบร็กซิทในสหราชอาณาจักรที่ใช้กลยุทธหรือยุทธวิธีเดียวกัน

มาวันนี้ผมยังรอเวลาโอกาสและมองบ้านเมืองด้วยความห่วงใยยิ่งนัก เมื่อเห็นกระบวนการเคลื่อนไหวที่ต้องการแก้ไขล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วยข้อมูลที่บิดเบือน หรืออาจขาดความเข้าใจในความมุ่งหมายเจตนารมณ์อันถ่องแท้ เชื่อมั่นว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการนี้ คือ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกทางสังคมรอบใหม่ เพราะคนที่ไม่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขย่อมมีอยู่ในจำนวนใกล้เคียงกันหรือน่าจะเป็นส่วนมากตามตัวเลขที่มีการผ่านประชามติ ส่วนจะอ้างโน่นนี่ว่าเขาผ่านให้เพราะอยากให้มีเลือกตั้งน่าจะเป็นตรรกะที่ดูถูกประชาชนมากเกินไป

ขณะนี้จึงเป็นเวลาสำคัญให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าต้อง รู้เท่าทัน ข้อมูลข่าวสารที่บ่าท้นเข้ามาในกล่องรับข้อมูลของพวกเราทุกๆ วัน ต้องกลั่นกรองใช้เหตุและผลรอบด้าน ส่วนทางการที่รับผิดชอบพึงตัดไฟแต่ต้นลม เมื่อรู้ต้นตอต้องขุดรากถอนโคน เพราะคนเหล่านี้ คือ ศัตรูและถัยร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักและหวงแหนของคนไทยทุกคน