เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ศีลธรรมกับความเป็นมนุษย์
นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยการจะเข้าถึงฐานะของมนุษย์ที่ได้มาจากกรรมเก่านั้น นับเป็นเรื่องยากยิ่งในสังสารวัฏนี้ เมื่อได้มาถึงความเป็นสัตว์ประเสริฐแล้ว จึงควรพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้การดำเนินชีวิตเป็นไปสมฐานะ
สัตว์มนุษย์จำนวนไม่น้อยได้ละทิ้งคุณค่าของความเป็นมนุษย์หรือสัตว์ประเสริฐอย่างไม่ใยดี และมีจำนวนไม่น้อยที่แปรสภาวะจิตใจเคลื่อนย้ายไปสู่ฐานะอื่นจนกลายเป็น “มนุษย์จอมปลอม” คือ มีภาพลักษณ์เป็นมนุษย์ แต่จิตใจกลับไปปฏิสนธิเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือสัตว์นรก
ในขณะเดียวกันก็มีมนุษย์จำนวนหนึ่งแม้ไม่มากนัก รู้จักใช้คุณประโยชน์จากฐานะมนุษย์พัฒนายกฐานะให้สูงขึ้น จนจิตใจปฏิสนธิในความเป็นเทวดา พรหม และที่สุดคือ อริยบุคคล
การได้มาในฐานะความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ อันเสมอกันในหมู่ชน จึงเป็นเพียงต้นทุนที่จะนำไปสู่การต่อเติม เสริมสร้าง หรือจักกระทำความฉิบหายให้เกิดขึ้นจากฐานะของความเป็นมนุษย์นั้น จึงเป็นเรื่องที่ควรตระหนักรู้
สัตว์มนุษย์จึงต้องไม่ประมาทในฐานะที่ได้มาด้วยอำนาจแห่งธรรม จึงควรแก่การประพฤติธรรม เพื่อให้เหมาะสม ก่อเกิดประโยชน์และความควรกับความเป็นมนุษย์ ในทางพุทธศาสนา จึงได้แนะนำสั่งสอนให้มนุษย์ได้รู้ถึงหลักธรรมที่ค้ำประกันฐานะความเป็นมนุษย์ เพื่อไม่ให้ฉิบหายจากฐานะ ที่เรียกว่า หลักมนุษยธรรม หรือ ศีลธรรม นั่นเอง
“ศีล” แปลว่า “ปกติ” ผู้รักษาศีล คือ ผู้รักษาความเป็นปกติของฐานะความเป็นมนุษย์ ที่มุ่งปรารถนาความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ โดยแสดงให้เห็น “ธรรม” ที่ควรแก่การปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิต คือ พรหมวิหารธรรม โดยเฉพาะ เมตตากรุณา โดยชี้แจงแสดงให้เห็นความสุขที่เกิดจากความมีเมตตาปราณีต่อกัน และความทุกข์อันเกิดจากการเบียดเบียนกัน การข่มเหงกันด้วยกาย วาจา ใจ
พระพุทธศาสนาจึงยกระดับศีลธรรมของความเป็นมนุษย์ หรือมนุษยธรรม สู่ หลักกรรมบถสิบ ที่จำแนกให้เห็นกุศลกรรมบถ 10 และอกุศลกรรมบถ 10 โดยการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องกรรมนิยาม ที่ควบคุม จิตนิยาม ภายใต้อำนาจสูงสุด คือ ธรรมนิยาม ชาวพุทธจึงต้องถึงพร้อมด้วยศรัทธา 4 ข้อ คือ กรรมสัทธา วิปากสัทธา กัมมัสสกตาสัทธา และตถาคตโพธิสัทธา
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้รับทราบข่าวสารการประชุมรัฐสภา เนื่องในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะต้องแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสมาชิกสภาอันทรงเกียรติ แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาทางสื่อสารมวลชน กลับปรากฏการแสดงบทบาทหน้าที่ ตลอดจนการใช้คำพูดที่ไม่เป็นไปในแนวสภาของผู้ทรงเกียรติ อันเป็นที่ประชุมของบัณฑิต ผู้รู้ ผู้ดำรงอยู่ในศีลธรรมที่ควรเป็นแบบอย่างที่ดี
แม้ว่า คนในสังคมปัจจุบันจะมองภาพลักษณ์ดังกล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง แต่หากเอามาตรฐานศีลธรรมเข้าไปจับวัด คงน่าเป็นห่วงต่อเส้นมาตรฐานจริยธรรม จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่รัฐสภาไทยจะต้องพิจารณาปรับปรุง แก้ไข และจัดหามาตรการที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ เข้ามาควบคุม เพื่อให้การดำเนินงานของสมาชิกในสภาเป็นไปในมาตรฐานทางจริยธรรม ที่ควรแก่การเป็นแบบอย่างให้กับสังคมและอนุชนรุ่นต่อไป ให้สมกับเป็นประเทศพุทธศาสนา ที่กำลังต้องการหาแบบอย่างให้กับชีวิต เพื่อการนำพาชีวิต สังคม ประเทศชาติ ไปเบื้องหน้า
ในสังคมมนุษยชาติ มีการเปรียบเทียบไว้น่าสนใจว่า “ผู้ใหญ่เหมือนรางรถ ลูกหลานเหมือนรถที่วิ่งไปตามราง รถจะวิ่งได้ตรงหรือจะลดเลี้ยวไปมา ประการสำคัญขึ้นอยู่กับราง” ดังมีเรื่องเล่าพอเป็นแบบอย่างเรื่องหนึ่งไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า “พระราชาองค์หนึ่ง มีม้ามงคลอยู่ตัวหนึ่งที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีจากคนเลี้ยงม้า วันหนึ่งต้องเปลี่ยนคนเลี้ยงม้าเป็นคนใหม่ ซึ่งเขามีขาพิการ ลักษณะขาซ้าย-ชวามีความสั้นยาวไม่เท่ากัน หากไม่สังเกตจะเกือบมองไม่รู้เลย
ม้ามงคลเป็นสัตว์ที่ฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว เวลามันถูกจูงไป มันเห็นคนเลี้ยงที่จูงไปเดินกะเผลกๆ เป็นประจำทุกวัน ด้วยสัญชาตญาณ จึงคิดว่า เจ้าของต้องการให้มันทำเช่นนั้นบ้าง จึงพยายามเลียนแบบทำตามทุกวันๆ ที่สุด ม้ามงคลก็เดินกะเผลกๆ ได้เหมือนคนเลี้ยงม้าที่ขาพิการ
เมื่อพระราชาทรงม้ามงคล เพื่อเสด็จไปประกอบราชกิจ จึงทราบถึงความผิดแปลกที่เกิดขึ้นจากการเดินผิดปกติไปจากเดิม ให้หมอหลวงช่วยกันตรวจอาการก็ไม่ทราบสาเหตุ จนที่สุด พระราชาจึงรับสั่งให้ปุโรหิตาจารย์ในราชสำนักซึ่งมีปัญญายิ่งไปตรวจสอบดูอาการ และเมื่อได้เฝ้าดูอาการม้ามงคล รวมถึงพฤติกรรมคนเลี้ยงม้า จึงพบว่า เกิดจากการเลียนแบบอย่างจากผู้เลี้ยง ม้ามงคลที่แสนฉลาดจึงเป็นเช่นนี้ เรื่องของเรื่องจึงต้องเปลี่ยนคนเลี้ยงม้า ปัญหาดังกล่าวจึงจบลงโดยดี”
ในสังคมของมนุษยชาติเราก็เช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญ คือ การคิดหาแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม เพื่อชักนำหมู่ชนให้ถือประพฤติปฏิบัติไปในทางที่ดี ที่ถูกต้อง หากปล่อยปละละเลยให้คนไม่ดีแสดงบทบาทชี้นำสังคมมากไป ปรากฏการณ์แบบม้ามงคลก็จักเกิดขึ้นได้ เพราะเด็กๆ เยาวชนชาวไทยมีความเฉลียวฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว ดังเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในสังคมไทย จึงพึงควรช่วยกันสร้างมาตรฐานคุณธรรมให้กับสมาชิกในสังคมทุกองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐสภาไทย ที่บัดนี้มี ปุโรหิตาจารย์ ชื่อ ชวน หลีกภัย !!
เจริญพร