เตาเผาขยะกทม. ผ้าขี้ริ้วห่อทอง
การลาออกของรองผู้ว่า กทม. 2 คน คือ จักกพันธุ์ ผิวงาม และ ทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ทำให้เกิดคำถาม
ทำไมจู่ๆ รองผู้ว่า 2 คนลาออกในเวลาไล่เลี่ยกัน (21 และ 23 ก.ค.) อะไรคือแรงกดดัน
กระทั่งการอภิปรายของ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ที่ตั้งคำถามความไม่ชอบมาพากลของโครงการเตาเผาขยะ มูลค่ารวมกว่า 13,140 ล้านบาท หรือไม่ที่กดดันให้ 2 รองผู้ว่ากทม. “ลาออก”
ผมได้รับคำยืนยันจากผู้บริหารระดับสูงในกทม. ตามปกติจะประชุมทุกวันจันทร์ และเท่าที่เข้าประชุมไม่ปรากฏว่ามีการหยิบยกโครงการเตาเผาขยะมาหารือในคณะผู้บริหารกทม. แล้วใครเป็นคนต้นเรื่อง?
โครงการเตาเผาขยะกทม. ได้นำไปโยงกับการที่ข้าราชการคณะหนึ่งไปดูงานประเทศจีน อย่างเลี่ยงไม่ได้
กระทั่ง 7 มกราคม 2562 นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน “ศรีสุวรรณ จรรยา” ยื่นคำร้องให้ป.ป.ช.ไต่สวน สอบสวน บุคคลดังต่อไปนี้
1.ผู้ว่า กทม.
2.ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.
3.คณะกรรมการกำหนดราคากลาง
4.คณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์
โดยมีข้อกล่าวหา 5 ข้อ ดังนี้
1.ระยะเวลาเปิดรับฟังข้อวิจารณ์ 4 วัน (13-16 พ.ย.2561) อาจเข้าข่ายไม่สุจริตได้
2.กำหนดราคากลางค่ากำจัดขยะสูงเกินความเป็นจริงถึง 3 เท่าตัว คือ 919 บาทต่อตัน ก่อนลดลงเหลือเพียง 900 บาทต่อตัน แต่ก็ยังสูงกว่าจังหวัดอื่น 3 เท่าตัว
3.การไม่กำหนดให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน ขัดรัฐธรรมนูญ 2560
4.ความไม่สมบูรณ์ของร่างทีโออาร์และความไม่เหมาะสมของแหล่งที่มาในการสืบราคากลาง ไม่มีข้อมูลบ่งชี้ความชำนาญของเอกชน ในโครงการเตาเผาขยะมูลฝอย
5.รายละเอียดในร่างทีโออาร์ที่เข้าข่ายล็อกสเปค กีดกันผู้ประการรายอื่น
24 ก.ค. เลขาธิการ ป.ป.ช. “วรวิทย์ สุขบุญ” บอกว่า อยู่ในชั้นคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงมีเวลาสอบสวน 180 วัน แต่ถ้าไม่ทันก็ขอขยายอีก 90 วัน และก่อนหน้านี้ ปลัดกทม.ได้ส่งเอกสารหลักฐานชี้แจง แล้ว
และถ้าทั้ง 5 ข้อ นั้น ทำมาโปร่งใส ถ้าไม่มีสิ่งผิดปกติ ผู้ว่ากทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็ควรเป็นผู้ลงนามในสัญญาเตาเผาขยะได้ทันที
ขยะกทม.ที่ไม่ต่างอะไรกับ “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” สร้างรายได้ให้กับผู้รับกำจัดมานานหลายทศวรรษ และถ้าครั้งนี้กทม.และรัฐจะได้ประโยชน์บ้าง ท่านจะรีรออะไร?