แฟชั่นนิสต้า: สตรีรัฐสภาไทยต้องไม่ล้าหลัง

แฟชั่นนิสต้า:  สตรีรัฐสภาไทยต้องไม่ล้าหลัง

87 ปีรัฐสภาไทยการแต่งกายไปทำงานในฐานะสมาชิกสภาไม่ค่อยมีปัญหา

ประธานสภาผู้แทนฯและรัฐสภา ชวน หลีกภัย ได้กล่าวเช่นนี้ขึ้นระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรต้นเดือน ก.ค. เมื่อมีสมาชิกหญิงชายหลายท่านอภิปรายกันอย่างต่อเนื่อง เรื่องการแต่งกายมาประชุมสภา บ้างเสนอให้ออกกฎระเบียบ ตั้งคณะกรรมาธิการกำหนดข้อบังคับเพื่อความชัดเจน

จึงน่ายินดีนักที่ท่านประธานสภาฯ ได้พูดขึ้นว่า"ทำไมข้อบังคับนี่ การแต่งกายสำคัญที่สุดหรือครับเนี่ย"

เรียกเสียงหัวเราะจาก ส.ส.ในสภา

จากนั้นท่านประธานสภาฯ จึงกล่าวต่อไปว่าเป็นเรื่องการวิจารณ์ แต่ขอเรียนว่าก่อนหน้านี้มี ส.ส.ผู้พิการขอสวมกางเกงขาสั้นก็อนุโลมให้ เข้าใจความจำเป็นของแต่ละคน แต่เครื่องแต่งกายสภาที่ผ่านมา 87 ปี ไม่ค่อยมีปัญหา ใช้มาตรฐานธรรมดาทั่วไป ซึ่งมีข้อหนึ่งระบุนอกจากชุดสากลยังอนุญาตให้ประธานกำหนดชุดอื่นได้ ส่วนตัวมองว่าถ้าส่งเสริมวัฒนธรรมได้เป็นเรื่องที่ดี แต่วันนี้ขอว่าเรื่องเครื่องแต่งกายอย่าไปเป็นประเด็นต่อ เพราะจะถูกมองว่าเราไม่มีเรื่องจะพูดกัน

ท่านประธานสภาฯ ในต่างวาระได้ให้สัมภาษณ์เรื่องการแต่งกายของสมาชิกสภาฯอีกว่า " ...อยู่ที่กาลเทศะ ที่จริงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สมาชิกเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จะรู้ว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน โดยส่วนตัวสนับสนุนใช้วัสดุผ้าไทย ไหมไทย เป็นส่วนหนึ่ง ค่อยกำหนดดูกันอีกที..."

ชัดเจนแจ่มแจ้ง

อันที่จริง ผู้เขียนจะยินดีและภูมิใจมากยิ่งขึ้นหากผู้แสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นผู้แทนราษฎรหญิงไทยสักคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะอยู่ในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยอีก (ซึ่งเรายังไม่เคยมีผู้หญิงรับตำแหน่งนี้) หลังจากเรามีรัฐธรรมนูญรับประกันสิทธิเสมอภาคหญิงชายมาแล้ว 87 ปีและมีผู้แทนสตรีเก่งๆ มาแล้วหลายคน

เท่าที่ข้อมูลปรากฏ ไม่มีรัฐสภาใดในโลกที่ตั้งคณะกรรมาธิการออกกฎระเบียบเรื่องการแต่งกายของสมาชิก  

ประเทศฝรั่งเศส ที่ตามธรรมเนียมการปกครองแยกรัฐและศาสนาออกจากกันเด็ดขาด ก็ไม่ได้ตั้งคณะกรรมาธิการเขียนกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องการแต่งกายของส.ส.หญิง ซึ่งก็อนุโลมตามหลักตามธรรมเนียมการปกครองของเขา คือในสถานที่ราช(ทาง)การ เช่น รัฐสภา โรงเรียน ฯลฯ ถือเป็นกาละเทศะที่จะไม่ใช้หลักศาสนาของทุกศาสนา เช่น สตรีมุสลิมไม่ใส่ผ้าคลุมหน้า เป็นต้น

ส่วนไทยเราหรือประเทศใดในกลุ่มประเทศใด เช่น อาเซียน ที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมระดับตัวอย่างของโลก คืออยู่ด้วยกันมาได้ รวมตัวกันได้ ท่ามกลางความแตกต่างของเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม ก็ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องไปตาม(ก้น)ฝรั่งเศสจากเมื่ออาเซียนเริ่มก่อตั้ง พ.ศ. 2510 ที่ภูมิภาคยังตึงเครียดสงครามเย็นและข้อขัดแย้งอุดมการณ์ ตลอดจนปัญหาความยากจน โดย 50 ปีให้หลัง ได้กลายมาเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพและความร่วมมือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นที่ประจักษ์แล้ว โดยมีอาเซียนเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ

เราเคยอยู่กันมาได้ดี ด้วยการแต่งกายไปรัฐสภาแบบไหน ทั้งระดับชาติและระดับอาเซียนเราก็จะอยู่กันต่อไปอย่างนั้น จะมาสร้างกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องการแต่งกายไปทำไมให้ถูกมองว่า..ไม่มีเรื่องจะพูดกัน...

ต่อการชูประเด็นวิวาทะในสภาฯของ ส.ส.ชายท่านหนึ่งว่า การแต่งกายไม่สำคัญเกียรติภูมิของผู้แทนราษฎรอยู่ที่ตรงโน้นตรงนี้... ประธานสภาฯ เจ้าของฉายามีดโกนอาบน้ำผึ้ง ตวัดเพียงสั้นๆว่า "...จะนุ่งผ้าขาวม้ามาประชุมสภาหรือ..."

ว่าไปแล้ว ก็เป็นภาพสวยงามต้องตาอยู่มิใช่หรือ ที่จะเห็นผู้นำประเทศเมียนมา อองซาน ซู จี แต่งกายด้วยผ้าทอของพม่า ในชุดที่เธอสวมใส่ไปไหนต่อไหนในบ้านเมืองของเธอและในโลก รวมทั้งในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงเทพฯเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้นำหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มผู้นำประเทศอาเซียน โดดเด่นเสมอโดยไม่ต้องพึ่งการแต่งกายเป็นประเด็น

ศรีมัลยานี อินทราวตี  นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอินโดนีเซีย เลื่องชื่อทำงานเชิงปฏิรูปเพื่อประโยชน์สาธารณะ วินัยเหล็ก ไม่เอนเอียงไปทางบุคคลหรือพรรคการเมืองใด การแต่งกายไปทำงานของเธอไม่เคยเป็นประเด็น ทั้งช่วงทำงานตำแหน่งสำคัญที่ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) รวมทั้งเมื่อกลับมาทำงานเป็นรัฐมนตรีคลัง ตามคำเชิญขอร้องจากประธานาธิบดีต่างสมัย ทั้งประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุธโตโนและ ประธานาธิบดีโจโกวี

ราฟิดาห์ อาซิซ อดีตรัฐมนตรีหญิงมาเลเซียหลายสมัยหลายกระทรวง ทั้งการคลัง พาณิชย์ และอุตสาหกรรม เป็นอีกคนที่ผู้เขียนชื่นชมมานาน

ทั้ง 2 สวมใส่ ทั้งเครื่องแต่งกายสากลและตามหลักศาสนา ขึ้นอยู่กับกาละเทศะ

 ผู้หญิงร่วมสมัยอีกคนที่น่าชื่นชมความสามารถและการแต่งกายคริสติน ลาการ์ด นักกฎหมาย อดีตรัฐมนตรีคลัง พาณิชย์และอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส ผู้กำลังลาจากตำแหน่งผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟไปสู่ตำแหน่ง ประธานธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กินตำแหน่งสูง(สุด)ใน 2 องค์กรการเงินนี้

ทั้ง 3 มาถึงตำแหน่งด้วยความสามารถตนเองและเครือข่ายที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือการทำงาน ไม่เคยทำตัวไร้สาระ

ฉันใดที่อาจมิใช่ความเปลี่ยนแปลงถาวรดังที่เคยเกิดในหลายประเทศที่จำนวนส.ส. หญิงอาจตกฮวบลงไปได้ ส.ส.หญิงของเราที่เพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งจำนวนมากมาจากพรรคอนาคตใหม่จึงไม่ควรประมาท

หลักประกันว่าหญิงไทยจะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ในเวที(การเมือง)ระดับชาติ ภูมิภาคและระหว่างประเทศ ก็คือ สตรีสมาชิกรัฐสภาและในคณะรัฐบาลต้องไม่ทำตัวไร้สาระ ทำงานให้ประชาชนพึ่งพาได้ พิสูจน์ว่ารัฐสภาไม่ได้เป็นเวทีมาแสดงความคิดเห็นพูดกันเท่านั้น แต่ผลักดันเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้จริงในประเด็นเร่งด่วนและระยะยาว รวมทั้ง รัฐสภาและรัฐบาลต้องตั้งเจตนารมณ์ทางการเมืองแน่วแน่ส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้หญิง

บ้านเมืองเราน่าจะดีกว่านี้ หากนักการเมืองมากด้วยบารมีฝีมือระดับประธานสภาฯ คนปัจจุบันยังมีอีกหลายคนให้ประชาชนได้พึ่งพา โดยเฉพาะถ้าหาก 1 หรือ 2 หรือมากกว่านั้นเป็นสตรี.