กมธ.(แกล้ง)โง่ทางด่วนฯ แอบแก้มติ?

หรือ ที่เรียกให้เข้าใจแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า กมธ.สอบค่าโง่ทางด่วนฯ

หลังจากประชุมนัดแรก ตั้งคณะ กมธ. ที่ประกอบด้วย พรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ รวม 17 คน เพื่อพิจารณาปัญหานี้ โดยนัดถัดมา 23 ก.ค.62 มีวาระเรียกหน่วยงานต่างๆ และผู้เกี่ยวข้องสอบ ปรากฎว่ายังไม่ทันได้เริ่ม ก็มีอันต้อง “ล่ม” การประชุม 

สาเหตุมาจาก “4 กูรู” ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สภาฯ แก้มติที่ประชุม เหมือนกับเป็นรายงานส่วนตัวทั้งที่เป็นมติที่ประชุมจากคณะ กมธ.ทั้ง 17 คน

จึงเป็นเหตุให้ การประชุมต้องยุติลง แล้วนัดประชุมใหม่วันถัดไป หลังจากมีการปะฉะดะ แบบไม่เกรงใจกันระหว่าง กมธ.ในซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากเสี่ยง “ติดคุก” 

เพราะมติจากการประชุมนัดแรก ให้เชิญ 3 หน่วยงาน ตัวแทนบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตัวแทนบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือบีอีเอ็ม และสหภาพการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ บอร์ด กทพ.ขยายสัญญาสัมปทาน 30 ปี แต่จู่ๆ กลับมีการตัดออก 2 หน่วยงานออก เหลือเชิญเฉพาะสหภาพการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มิหนำซ้ำ พอถึงเวลาปรากฎว่า ตัวแทนสหภาพฯ ที่มา กลับกลายเป็นอีกขั้วในสหภาพฯ ที่ไม่ใช่กลุ่มที่ยื่นข้อร้องเรียนต่อ กมธ.

ประเด็นอยู่ที่ว่า มีการแก้มติที่ประชุมโดยสั่งเจ้าหน้าที่เป็นการส่วนตัวได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อ ก็ต้องเชื่อ ว่ามีนักการเมืองระดับประธานกมธ. รองประธาน กมธ.ไม่รู้กฎหมายจริงๆ หรือแกล้งไม่รู้  ทั้งที่ีเรื่องนี้ สุ่มเสี่ยงจะตกเป็นจำเลยใน “คดี” เอาง่ายๆ 

หากคาดไม่ถึง ก็ให้ย้อนกลับไปดู คดีเมื่อปี 2549 ที่ ป.ป.ช.ชี้มูล แล้วส่งศาลฎีกาฯ กระทั่ง สนช.ลงมติถอดถอน

กรณี อุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย สับเปลี่ยนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในฐานความผิดปลอมร่างรัฐธรรมนูญ และสลับร่างฯ โดยไม่มีสมาชิกรัฐสภาลงชื่อรับรอง ลามไปถึง “ขุนค้อน” สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ในฐานะประธานรัฐสภา ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ฐานรู้เห็น และไม่สั่งให้นำไปเสนอให้สมาชิกรัฐสภาลงชื่อรับรองญัตติ ฯ ...

ทั้งที่กรณี 2 รายนี้ ต่อสู้คดีว่า แก้แค่คำ ไม่ได้มีการแก้ในประเด็นเนื้อหาสาระ หากเทียบกับกรณี กมธ.สอบค่าโง่นี้ มีการแก้สาระสำคัญยิ่ง เพราะ ตัด “2 หน่วยงาน” สำคัญ ที่กมธ.มีมติเชิญมาสอบออกจากมติ และรายงานการประชุมโดยพลการ

ก่อนหน้านี้ ประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย ก็เพิ่งเตือนในการอบรม ส.ส.ทั้งนักการเมือง และข้าราชการ ว่าอย่าไปทำตามคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่สุดจะต้องร่วมรับผิดด้วย

เรื่องนี้ หากประธาน-3 รองประธาน ระดับ วีระกร คำประกอบ พลังประชารัฐ -อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์เพื่อไทย -ระวี มาศฉมาดล พลังธรรมใหม่ -สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ อนาคตใหม่ ไม่รู้โดยสุจริต ก็ต้องกลับไปดูบทเรียนนักการเมืองรุ่นพี่ไว้ให้ดี