ทางออกหรือทางตัน?

ทางออกหรือทางตัน?

ผมรู้สึกดีใจที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี (นายกรัฐมนตรี) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะสิ้นสุดลง

เนื่องจากเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ในฐานะหัวหน้า คสช.หรือไม่

เพราะผลของการวินิจฉัยจะเป็น บรรทัดฐาน ที่สำคัญ และอาจเป็นได้ทั้ง ทางออก หรือ ทางตัน” ของประเทศ

ส่วนตัวผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า หัวหน้าคสช. หรือใครหรือองค์กรใดก็ตามที่เป็น “รัฏฐาธิปัตย์ และเป็น “ผู้ใช้อำนาจรัฐ” ย่อมต้องเป็น เจ้าหน้าที่รัฐ

ในอดีตกฎหมายมีนิยามของคำว่า เจ้าหน้าที่รัฐ เอาไว้อย่างชัดเจน และค่อนข้างตีความได้กว้างขวาง แต่ก็ยังเขียนเผื่อไว้สำหรับตำแหน่งพิสดารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีคำว่า เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ครอบคลุมตำแหน่งของผู้ใช้อำนาจรัฐทุกตำแหน่ง

ฉะนั้นนี่จึงเป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ท้าทาย เพราะจะว่าไปหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช.เป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหลุดจากตำแหน่ง อาจทำให้บรรยากาศการเผชิญหน้าทางการเมืองที่กำลังเดือดปุดๆ รอวันระเบิด ขยับเคลื่อนไปสู่ทางออก และบ้านเมืองอาจมีหลักยึดที่ทุกฝ่ายพอยอมรับได้

แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปในทางที่เป็นคุณกับ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนองค์กรอื่นๆ ที่ผ่านมา แม้จะอ้างสารพัดเหตุผลทางกฎหมายที่เนียนกว่า แต่ก็คงตอบความรู้สึกของสังคมได้ยาก และจะกลายเป็นการสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารทางอ้อม เพราะหัวหน้าคณะรัฐประหารมี สถานะพิเศษ” ที่อธิบายไม่ได้ว่าคืออะไรแน่ และอยู่เหนือการตรวจสอบทั้งปวง

ผมคิดว่าการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้มี “มาตรฐาน และ เหตุผล” พอสมควร แม้จะถูกสร้างกระแสโจมตีอย่างที่พรรคอนาคตใหม่กำลังทำอยู่ก็ตาม โดยเฉพาะการพยายามเปรียบเทียบการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคของตน กับกรณีการไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ในรัฐบาล คสช.

เพราะกรณีของนายกฯและรัฐมนตรีคนอื่นๆ นั้น คำร้องถูกส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญในห้วงเวลาที่พวกเขาดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว การสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ย่อมส่งผลเสียหายต่อภารกิจที่ต้องรับผิดชอบมากกว่า ส่วนกรณีของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่จริง ความเสียหายจึงน้อยกว่าการปล่อยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ที่สำคัญการโอนหุ้นของคุณธนาธรก็ดูจะมีปัญหาเรื่องความชอบด้วยกฎหมายอยู่ไม่น้อย

ฉะนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญทำให้ปมขัดแย้งทางการเมือง ยุติอย่างเป็นธรรมก็ย่อมเป็นความหวังให้ประเทศของเราหลุดพ้นจากวังวนที่ฝ่ายหนึ่งสืบทอดอำนาจ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็แย่งชิงอำนาจด้วยการสร้างกระแสปลุกระดมให้ล้มทุกอย่าง...