เส้นทางจากเทคสตาร์ทอัพ สู่ธุรกิจครอบครัว

เส้นทางจากเทคสตาร์ทอัพ สู่ธุรกิจครอบครัว

การศึกษาเพื่อค้นหาคำตอบว่าเหตุใดธุรกิจครอบครัวที่ถือได้ว่าเป็นโมเดลการสร้างธุรกิจแบบดั้งเดิม

ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีการพัฒนาศาสตร์ด้านการบริหารธุรกิจขึ้นมาจนเป็นสาขาวิชาที่แทบทุกมหาวิทยาลัยในโลกนี้จะต้องมี ก็ยังคงเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัยในเชิงวิชาการบริหารธุรกิจสมัยใหม่

วิธีที่นิยมในการเรียนการสอนในหลักสูตรการบริหารธุรกิจวิธีหนึ่งก็คือ การศึกษาจากกรณีศึกษาบทความในสัปดาห์นี้ จะขอนำกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในประเทศบราซิล ซึ่งแสดงให้เห็นเส้นทางที่ได้นำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจครอบครัวขึ้นมาจากการเตรียมการล่วงหน้าอย่างเป็นระบบของผู้เริ่มก่อตั้งธุรกิจรุ่นแรกในลักษณะของสตาร์อัพเล็กๆ ที่สามารถส่งต่อธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วให้แก่ทายาทในครอบครัวรุ่นต่อไปได้อย่างประสบความสำเร็จ

กรณีศึกษานี้เป็นเรื่องของนายแพทย์และนักเทคนิคการแพทย์ที่ร่วมงานอยู่ในห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทั้งคู่มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันยาวนานพอสมควรจนกลายเป็นเพื่อนสนิทซึ่งกันและกัน

ด้วยความที่มีนิสัยของการเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเหมือนๆ กัน ทั้งคู่ได้พยายามศึกษาเพื่อค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการพัฒนาวิธีการทดสอบที่จะทำให้การทำงานมีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่วิธีการที่คิดค้นขึ้นมาได้ใหม่นี้ ไม่เป็นที่ยอมรับของโรงพยาบาลและผู้บริหารของโรงพยาบาลที่ยังยึดถือวิธีการดั้งเดิมที่เคยปฏิบัติมา และไม่กล้าเสี่ยงที่จะนำสิ่งใหม่ๆ มาใช้

เพื่อนสนิททั้ง 2 จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่โรงพยาบาล และหันมาร่วมกันตั้งบริษัทเล็กๆ เพื่อที่จะมีความเป็นอิสระในการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคที่คนไข้สามารถนำไปใช้ทดสอบได้ด้วยตัวเอง โดยเน้นเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่จะให้ความเที่ยงตรงแม่นยำในระดับสูง

ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่บริษัทพัฒนาขึ้น คือชุดตรวจปัสสาวะ ได้รับการยอมรับอย่างดีจากผู้ใช้งาน ทำให้บริษัทเริ่มมีชื่อเสียงในตลาด สตาร์อัพทั้ง 2 ได้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ยึดมั่นกับเรื่องของคุณภาพเป็นอันดับแรก ดังนั้น นอกจากพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการนำไปบริษัทไปสู่การรับรองมาตรฐานในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานคุณภาพ และมาตรฐานในการผลิต

ธุรกิจในระยะ 20 ปีแรก ดำเนินไปด้วยดี จากการเป็นบริษัทที่มีพนักงาน 2 คน คือผู้ก่อตั้ง กลายมาเป็นบริษัทที่สามารถจ้างพนักงานถึง 90 คน มียอดขายและผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ แต่ธุรกิจประสบปัญหาจากการที่เศรษฐกิจในประเทศบราซิลเกิดวิกฤติในช่วงรอยต่อระหว่างทศวรรษ 1980-1990 ทำให้ต้องนำหุ้นส่วนรายที่ 3 เข้ามาร่วมเพื่อพยุงกิจการ โดยหุ้นส่วนรายที่ 3 นี้ เป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และรู้จักคุ้นเคยกับผู้ก่อนตั้งธุรกิจทั้ง 2 คนเป็นอย่างดี

ต่อมานายแพทย์ผู้ก่อตั้งธุรกิจได้ถึงแก่กรรมในวัย 77 ปี หุ้นส่วนธุรกิจได้ยอมรับให้ลูกสาวคนโตเข้ามาร่วมบริหารในสัดส่วนของนายแพทย์ โดยมอบหน้าที่ประธานบริษัทให้แก่เพื่อนของพ่อที่เป็นนักเทคนิคการแพทย์

กิจการก็ยังดำเนินต่อไปด้วยดี ภายใต้นโยบายการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบรับกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเภสัชศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ บริษัทได้รับการรับรองด้านคุณภาพจากสหภาพยุโรป ทำให้สามารถขยายกิจการออกไปสู่ประเทศในสหภาพยุโรปได้ ทำให้ยอดขายขยายตัวได้ถึง 94% 

ในปีนั้นประธานบริษัท ได้ถึงแก่กรรมเมื่อมีอายุได้เพียง 68 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นในธุรกิจครอบครัวที่มีหุ้นส่วนร่วมกันถึง 3 ครอบครัว ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเจตนารมณ์เดิมของผู้ก่อตั้งธุรกิจ

บุตรชายของหุ้นส่วนรายที่ 3 ได้รับการเสนอให้เป็นประธานบริษัทคนต่อไป โดยที่ไม่มีสมาชิกในครอบครัวของหุ้นส่วนรายที่ 3 เข้ามาร่วมบริหารแต่อย่างใด ในขณะที่ทายาทรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ที่มีการศึกษาทางด้านแพทย์และเทคนิคการแพทย์ ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาทำงานและบริหารกิจการตามความสามารถและความถนัด มีการจ้าง CEO จากภายนอก เข้ามาเพื่อสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจอย่างมืออาชีพ 

สิ่งที่สมาชิกทั้ง 3 ครอบครัวที่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เห็นพ้องต้องกันที่จะทำต่อไปก็คือการจัดทำธรรมนูญธุรกิจที่วางพื้นฐานอย่างเป็นกิจลักษณะระบุถึงคุณสมบัติของสมาชิกครอบครัวที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจ เพื่อแบ่งแยกหน้าที่ให้ชัดเจนระหว่างการเป็นสมาชิกของครอบครัวที่มีส่วนที่จะได้รับผลตอบแทนจากธุรกิจของครอบครัวและการเป็นผู้บริหารธุรกิจที่มีความเหมาะสม

การแบ่งแยกหน้าที่ของความเป็นสมาชิกในครอบครัว กับหน้าที่การเป็นนักบริหารธุรกิจที่มีความสามารถเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ธุรกิจร่วม 3 ครอบครัวยืนหยัดอยู่ได้มาอย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบัน ธุรกิจนี้สามารถทำรายได้กว่า 35 ล้านดอลลาร์ มีการจ้างงานกว่า 200 ตำแหน่ง และมีผลิตภัณฑ์ชุดวินิจฉัยโรคต่างๆ กว่า 250 ผลิตภัณฑ์ และได้ชื่อว่าเป็น บริษัทที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับแห่งหนึ่งของประเทศบราซิล (http://labtest.com.br/)