ตลาดของคนโสด

ตลาดของคนโสด

“ตลาดของคนโสด” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ตลาดที่คนโสดจะมาแสวงหาคู่เพื่อหลุดพ้นความโสด

แต่กำลังชวนท่านผู้อ่านมองถึงตลาดที่ใหญ่และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจในอนาคต นั่นคือตลาดของผู้ที่ครองตนเป็นโสดหรือ ผู้ที่อยู่คนเดียว (อาจจะผ่านการหย่าร้าง หรือ เป็นหม้าย) ซึ่งในระดับโลกนั้นตลาดนี้เป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวที่น่าสนใจทีเดียว คือพยากรณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.9% ในทศวรรษหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดของผู้ที่มีครอบครัวด้วย

สำหรับในประเทศไทยนั้นข้อมูลล่าสุดจาก Economic Intelligence Center (EIC) ของธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่าคนไทยเป็นโสดมากขึ้น โดยสถิติจำนวนการจดทะเบียนสมรสของคนไทย ลดลงจาก 313,000 คู่ในปี 2550 เหลืออยู่ที่ 298,000 คู่ในปี 2560 ขณะเดียวกันจำนวนการหย่าร้างกลับเพิ่มขึ้นจาก 102,000 คู่ มาเป็น 122,000 คู่ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

สำหรับในต่างประเทศนั้น ข้อมูลจาก US Census ของอเมริกา พบว่าประมาณ 20% ของชาวอเมริกาที่อายุเกินกว่า 25 ปีขึ้นไป ที่ไม่แต่งงาน แม้กระทั่งในประเทศจีน จากนโยาย One-Child Policy ในอดีตที่ทำให้ครอบครัวชาวจีนมีลูกแค่คนเดียวแและมีความพยายามที่จะให้เป็นลูกชาย (ตามความเชื่อของชาวจีน) ก็ได้ก่อให้เกิดปัญหาประชากรชายของจีนมากกว่าหญิงถึง 30 ล้านคน และคาดว่าในปี 2030 มากว่า 1 ใน 4 ของชายชาวจีนที่อายุเกิน 30 ปีขึ้นไปที่จะไม่แต่งงาน

ดังนั้นเมื่อดูในระดับโลกแล้ว จะพบปรากฎการณ์คนโสดขึ้นมา โดยคาดกันว่าในปี 2030 จำนวนครัวเรือนที่อยู่คนเดียว (Single person households) จะเพิ่มจากปี 2018 ถึง 30% สำหรับสาเหตุหลักๆ ของการอยู่เป็นโสด (นอกเหนือจากข้ออ้างคลาสสิกที่ว่าคนดีหาไม่ค่อยได้) นั้นก็หนีไม่พ้นการที่คนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับการทำงาน การศึกษา การบรรลุเป้าหมายของชีวิตในด้านต่างๆ มากขึ้น อีกทั้งคนรุ่นใหม่จำนวนมากก็ไม่ได้มีความปราถนาที่จะแต่งงานเพื่อมีบุตร เนื่องจากการมีบุตรหนึ่งคนนำไปสู่ความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายที่มหาศาล

คราวนี้มาดูกันต่อว่าแล้วพฤติกรรมของคนโสดจะแตกต่างจากผู้ที่มีครอบครัวอย่างไร จากข้อมูลของ EIC ของธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่าคนโสดนั้น โดยเฉลี่ยแล้วจะมีค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ มากกว่าผู้ที่มีครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค โดยไม่เน้นการใช้จ่ายในด้านทรัพย์สินเหมือนคนมีครอบครัว อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้านก็สูงกว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็สูงกว่า หรือ ค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและบันเทิงก็สูงกว่าผู้ที่มีครอบครัว จะมีเพียงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเท่านั้นที่คนมีครอบครัวมีการใช้จ่ายสูงกว่าคนโสด

สำหรับในต่างประเทศนั้นมีการวิจัยเพื่อหาพฤติกรรมในการซื้อของคนโสด ก็พบว่าสินค้าที่เน้นการใช้งาน และไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นต่อไป เป็นสิ่งที่คนโสดให้ความสำคัญ นอกจากนี้คนโสดมักจะซื้อของในปริมาณที่ไม่มาก และไม่ยึดติดกับแบรนด์ หรือ พวก Loyalty program เท่าใด ที่สำคัญคือสินค้าหรือบริการที่ทำให้คนเหล่านี้มีความภาคภูมิใจในความโสดและอิสระของตนเองจะเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงในกลุ่มคนโสด

แนวโน้มหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยง เนื่องจากคนโสดจะเริ่มแสวงหาสัตว์เลี้ยงมาอยู่เป็นเพื่อนมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ ทั้งการดูแล การเสริมสวย การเฝ้า อาหารเสริมจากธรรมชาติต่างๆ จึงมีโอกาสในการเติบโต

การอยู่เป็นโสดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ถึงขนาดมีบทความที่ไปอ้างอิงงานวิจัยต่างๆ เพื่อบอกว่าการอยู่เป็นโสดนั้นดี ไม่ว่าจะทำให้มีเวลาให้กับตัวเองในการคิดได้มากขึ้น หรือ เป็นโสดแล้วมีสุขภาพดีขึ้น หรือ ทำให้รักษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและพี่น้องได้ดี หรือ มีเงินเก็บมากขึ้น หรือ ไม่เครียด เป็นต้น ทำให้ตลาดของคนโสดจึงถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน