การแย่งชามข้าวเป็นข่าวมานานนับพันปี

การแย่งชามข้าวเป็นข่าวมานานนับพันปี

ในช่วงนี้มีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการแย่งชามข้าวอย่างต่อเนื่อง

ต้นเรื่องได้แก่ความขัดแย้งอันเกิดจากการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างนักการเมืองของไทย ปัจจัยพื้นฐานของการแย่งตำแหน่งกันอนุมานว่าเป็นประโยชน์ส่วนตนที่นักการเมืองฉ้อฉลทั้งหลาย หวังจะทำได้จากการใช้ตำแหน่งเหล่านั้น หากการอนุมานนี้ถูกต้อง เราอาจมองได้หลายแง่ซึ่งมิใช่จำกัดอยู่แต่ในเมืองไทยในช่วงนี้เท่านั้น

ในเบื้องแรก การแสวงหาประโยชน์ส่วนตนผ่านความฉ้อฉลในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของนักการเมืองไทยมิใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ หากมีมาตั้งแต่ครั้งหลังเปลี่ยนการปกครองเมื่อเริ่มมีรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐมนตรีเข้ามาแสวงหาประโยชน์ส่วนตนเพราะมองว่าการดำรงตำแหน่งนั้นเป็นการหาเลี้ยงชีพทางหนึ่ง มิใช่การรับใช้สังคมด้วยความสามารถของตน การมองแบบนี้มิใช่มีเฉพาะในเมืองไทย หากมีอยู่ในสังคมอื่นทั่วโลกทั้งในอดีตและในปัจจุบันโดยเฉพาะในประเทศที่มีระดับการพัฒนาต่ำ คำนี้ครอบคลุมมาก จากคุณภาพของคนไปจนถึงของวัตถุ นักการเมืองที่ประกาศว่าจะอาสาเข้ามารับใช้สังคมแต่โดยเนื้อแท้นั้นยึดการแสวงหาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง เป็นคนที่มีระดับการพัฒนาต่ำมาก

หากมองออกไปในโลกกว้างจะเห็นว่าในขณะนี้มีความขัดแย้งรุนแรงอันเกิดจากการแย่งชามข้าวกันของประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวาง เหตุการณ์ในย่านตะวันออกกลางเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นและเป็นข่าวทุกวันเนื่องจากเป็นการแย่งกันทั้งเพื่อให้เข้าถึงแหล่งน้ำจืดและแหล่งน้ำมันปิโตรเลียม การแย่งแหล่งน้ำจืดซึ่งมีน้อยในย่านนั้นสำคัญกว่าการแย่งแหล่งน้ำมันปิโตรเลียมมากเนื่องจากคนขาดน้ำได้ไม่นานแต่ขาดน้ำมันได้ตลอดชีวิต การแย่งแหล่งน้ำจืดในขณะนี้มักจำกัดอยู่ที่อิสราเอลกับเพื่อนบ้านและที่ตุรกีกับซีเรีย ส่วนการแย่งแหล่งน้ำมันปริมาณมหาศาลนั้นประเทศจากหลายภาคของโลกเข้าร่วม

อนึ่ง การแย่งชามข้าวระหว่างประเทศในย่านตะวันออกกลางมีประวัติยาวนานกว่าการแย่งกันในส่วนอื่นของโลก ทั้งนี้เพราะย่านนั้นมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีรุ่นแรกและสร้างสิ่งที่เรียกกันว่าอารยธรรมได้ก่อนย่านอื่น ดังเป็นที่ทราบกันดี เทคโนโลยีรุ่นแรกอยู่ในด้านการเกษตรอันเป็นการรู้จักปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ความก้าวหน้านั้นนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วและการสร้างอารยธรรม ทั้ง 2 เป็นปัจจัยนำไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดซึ่งส่วนหนึ่งเพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ อย่างไร้เหตุผลจนธรรมชาติมีให้ไม่พอจึงก่อให้เกิดการแย่งชามข้าว ย้อนไปหลายพันปี มีการแย่งชามข้าวอย่างเข้มข้นจนสังคมล่มสลายรวมทั้งบาบิโลนและอียิปต์

กระนั้นก็ดี เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้บ่งชี้ว่า คนรุ่นปัจจุบันคงมิได้อ่าน หรือเรียนรู้อะไรมากจากประวัติศาสตร์จึงทำอะไรต่อมิอะไรด้วยความประมาทอย่างกว้างขวาง ทั้งที่ทรัพยากรโลกเริ่มมีไม่พอสำหรับทุกคนจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่จำนวนประชากรโลกยังเพิ่มขึ้น ร้ายยิ่งกว่านั้น ประเทศที่ประชากรเริ่มลดลงโดยธรรมชาติกลับใช้มาตรการจะทำให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะมักมีผู้นำจำพวกสายตาสั้น หรือมิให้ความสำคัญแก่บทเรียนจากประวัติศาสตร์

เมืองไทยนับว่าโชคดีที่มีทรัพยากรมากพอให้ทุกคนอยู่ได้โดยไม่ต้องแย่งชามข้าวกัน แต่ในขณะเดียวกัน อาจมองได้ว่าโชคร้ายในแง่ที่นโยบายซึ่งดำเนินอย่างต่อเนื่องมานานนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำจนทำให้มีคนจนนับสิบล้านคน ทั้งที่กระเสือกกระสน คนจนส่วนหนึ่งไม่สามารถหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ส่งผลให้บางคนพยายามแย่งชามข้าวผู้อื่น กระนั้นก็ตาม นั่นยังไม่เลวร้ายเท่าการแย่งชามข้าวกันของชนชั้นมั่งคั่งรวมทั้งระหว่างนักการเมืองที่พยายามแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันอยู่ในช่วงนี้ด้วย

ในภาวะดังกล่าว ชาวไทยที่ไม่พอใจจำนวนมากคงอยากทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ แต่นั่นคงไม่ก่อให้เกิดผลดีตามต้องการ ฉะนั้น สิ่งที่ทำได้จะเป็นกิจกรรมจำพวกหวังผลในระยะยาวมากกว่าในระยะสั้นผ่านการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาอย่างจริงจังรวมทั้งการให้เวลา ให้ปัจจัยและให้เนื้อหาทางวิชาการแก่ชุมชนของตนเองบ้างและของผู้อื่นบ้างอย่างต่อเนื่อง