นวัตกรรมเพิ่มค่า"ยูนิคอร์น" แม้ในยามติดลบ

นวัตกรรมเพิ่มค่า"ยูนิคอร์น" แม้ในยามติดลบ

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2019 มีบริษัทดิจิทัลที่ถูกประเมินว่ามีมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์ หรืออยู่ในระดับ “ยูนิคอร์น (Unicorn)”

ทยอยเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ในอเมริกา อาทิ Lyft, Pinterest, Zoom, Uber และล่าสุด Slack ทั้งที่บริษัทดิจิทัลเหล่านี้ยังไม่แสดงผลกำไรให้จับต้องได้มากนัก แต่ได้รับการประเมินมูลค่าสูงนับหมื่นล้านดอลลาร์ จึงเป็นโอกาสดีของบริษัทเกรดยูนิคอร์นกว่า 170 รายที่ต่างต่อแถวเพื่อระดมทุนให้กับธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนต่อไป

เห็นได้จาก Lyft ผู้ให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร (Ride-Sharing) คู่แข่งสำคัญของ Uber ที่ขาดทุนกว่าพันล้านดอลลาร์ในปี 2018 แต่กลับได้รับการประเมินมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ แม้กระทั่ง Uber ที่มีมูลค่ากว่า 75,000 ล้านดอลลาร์ทั้งที่ผลประกอบการขาดทุนกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 ทำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่ออุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมานับแต่สมัยดอทคอมบูม

แพลตฟอร์มเพื่อการขนส่ง

นับแต่ริเริ่มธุรกิจการให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสารในปี 2009 อูเบอร์ได้นำกลยุทธ์การคิดราคาค่าโดยสารผ่าน “Dynamic Pricing Model” ตามความต้องการของการใช้รถ (Supply and Demand) ในแต่ละช่วงเวลาและการแข่งขันด้านราคาผ่านแอพในสมาร์ทโฟน จนดิสรัปธุรกิจรถรับจ้างและเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้โดยสารและคนขับรถ ทำให้เกิดแพลตฟอร์มการให้บริการที่มีสถิติเที่ยวรถรวมกว่า 17 ล้านเที่ยวต่อวันในกว่า 700 เมืองมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และขยายผลการให้บริการออกไปถึงการส่งอาหาร (Uber Eats) ที่ทำรายได้กว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และการแชร์จักรยาน (Jump Bikes) โดยอูเบอร์ทำรายได้รวมกว่า 11,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2018

ในขณะที่ Dara Khosrowshahi ซีอีโอของอูเบอร์ได้ย้ำว่า “อูเบอร์ไม่ได้เป็นบริษัทผู้ให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร แต่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง” โดยอูเบอร์ได้ลงทุนในนวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับ (AV) กว่าพันล้านดอลลาร์ รวมถึงงานวิจัยด้านการขนส่งทางอากาศในเมืองใหญ่และการจัดส่งสินค้า ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญที่มีคู่แข่งชั้นนำอย่างเทสล่าและเวย์โมของกูเกิลเป็นเจ้าสนามอยู่ นอกจากนี้ข้อบังคับและกฏหมายในแต่ละพื้นที่ที่อูเบอร์ให้บริการยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อความสำเร็จของอูเบอร์อีกด้วย

แหล่งรวมแรงบันดาลใจ

ด้วยผู้ใช้งานกว่า 290 ล้านรายต่อเดือน Pinterest นับเป็นแพลตฟอร์มที่รู้จักถึงการเป็นแหล่งรวมไอเดียและให้แรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์หรือหาข้อมูลงานดีไซน์ผ่านการปักหมุด (Pin หรือ Save) ภาพหรือข้อความจากเว็บไซต์ที่สนใจ (Visual Search) เพื่อนำมารวบรวมในบอร์ดของผู้ใช้งาน Pinterest ก่อตั้งในปี 2010 โดยในปี 2018 ยังคงแสดงผลขาดทุนอยู่ที่ 63 ล้านดอลลาร์จากรายได้กว่า 755 ล้านดอลลาร์ที่มาจากการจำหน่ายสื่อโฆษณา และสามารถเทรดในตลาดหลักทรัพย์ด้วยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์

ทุกเดือนข้อมูลภาพหลายร้อยล้านภาพจะถูกค้นหาด้วยนวัตกรรม AI และระบบการ Recommendation เพื่อใช้ในอัลกอริธึมการระบุภาพโดยใช้เงื่อนไขเกี่ยวกับผิวพรรณหรือสีผม ผ่านแอพที่มี User Experience (UX) ที่โดดเด่น โดยนวัตกรรม Deep-Learning ถูกนำมาใช้ในการค้นหาภาพกว่า 3,000 ล้านภาพในระบบเพื่อนำเสนอข้อมูลในลักษณะ Personalization เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก

Pinterest เร่งดำเนินกลยุทธ์ในการเปลี่ยนจากการเป็นเพียงแพลตฟอร์มที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้กลายเป็นอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่ใช้นวัตกรรม Visual Recognition อย่าง “Lens” มาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถช๊อปสินค้าที่ตรงกับความต้องการมากขึ้นและจากหลากหลายแหล่งทั่วโลก

 

โอกาสสำหรับน้องใหม่

เป็นที่คาดการณ์กันว่าดิจิทัลยูนิคอร์นชื่อดังอย่าง Airbnb และ WeWork อาจจะเข้าเทรดในปีเดียวกันนี้ โดย WeWork ถูกประเมินมูลค่าที่ 47,000 ล้านดอลลาร์ มีรายได้ในปี 2018 อยู่ที่ 1,820 ล้านดอลลาร์แต่ก็ยังแสดงผลขาดทุนที่ 1,900 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Airbnb ซึ่งเป็นยูนิคอร์นตัวอย่างที่สามารถแสดงผลกำไรตั้งแต่สองปีที่ผ่านมาและถูกประเมินมูลค่าที่ 35,000 ล้านดอลลาร์ ยูนิคอร์นเหล่านี้ได้เปิดโมเดลธุรกิจใหม่ที่ใช้ดิจิทัลเป็นแพลตฟอร์มจนสามารถดิสลัพธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ทั้งที่ยังไม่แสดงผลกำไรก็ตาม

 

เข้าใจธุรกิจอย่างมีข้อมูล

แม้จะขาดทุนในธุรกิจที่ริเริ่มแต่โอกาสการสร้างรายรับใหม่ของยูนิคอร์นอย่างอูเบอร์ต่อธุรกิจการขนส่งและการจัดส่งสินค้าผ่านนวัตกรรมที่กำลังค้นคว้าและวิจัยอย่างมุ่งมั่น ได้กลายเป็นจุดที่นักลงทุนเชื่อว่าจะสร้างมูลค่าให้กับยูนิคอร์นเหล่านี้ โดยไม่เพียงแต่นวัตกรรมเท่านั้นที่จะช่วยให้ยูนิคอร์นประสบความสำเร็จ ธุรกิจยังคงต้องคำนึงถึงโมเดลธุรกิจ ต้นทุนค่าใช้จ่ายและการแข่งขัน โดยเฉพาะเมื่อมีพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นตัวแปรจนอาจเปิดโอกาสให้คู่แข่งหลากแขนงข้ามแดนมาร่วมชิงชัยในสนามได้เช่นกัน นักธุรกิจและนักลงทุนจึงควรมีวิสัยทัศน์และใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อตัดสินใจในธุรกิจและนวัตกรรมดิจิทัลที่ปรากฎอยู่