กอดคอลงเรือรั่ว อาจดีกว่า‘สละเรือ’

กอดคอลงเรือรั่ว  อาจดีกว่า‘สละเรือ’

“วันนี้เข้าใจตรงกันแล้วขอให้จบ และหวังให้พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อชาติและประชาชน”

ซุ่มเสียงจาก “บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อปัญหา ร้อยร้าว ภายในมุ้งพลังประชารัฐ(พปชร.) อันเนื่องมาจากศึกแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ที่จนแล้วจนรอดยังไม่เห็นหน้าตาของ ครม.ประยุทธ์2/1” เสียที

ศึกระลอกใหม่เกิดขึ้นเมื่อ กลุ่มสามมิตร ออกมาวาง สัญญาใจ จากบิ๊กตู่ หลังรายชื่อที่เล็ดลอดออกมาไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในส่วนของรมว.พลังงาน ที่มีการสลับพ่อบ้านพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ไปนั่งแทน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ท่ามกลางกระแสข่าวการดีลผ่าน บิ๊กคนดัง เพื่อเป็นสะพานในการเสนอเปลี่ยนตัว  จนกลายเป็น ร้อยร้าว ระลอกใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้การ สมานรอยร้าว ครั้งนี้จะจบลงที่ “บิ๊กตู่” ลงมาทุบโต๊ะ หย่าศึกด้วยตนเอง ขณะที่แกนนำพรรคอย่าง อุตตม สาวนายน” ได้มีการเคลียร์ใจและแถลงยุติปัญหา พร้อมมองว่า นี่คือสปิริต ในวิถีทางประชาธิปไตย  แต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่า ร้อยร้าว ในรอบนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย จังหวะก้าวย่างของสามมิตรในขณะนี้อาจเป็นเพียงแค่การยอมข่มใจเจ็บกระโดดลงเรือรั่ว ที่อาจดีกว่าการ สละเรือ ในเวลานี้

สิ่งที่จะต้องจับตาต่อคือการตัดสินรับตำแหน่ง ผู้นำพรรคพลังประชารัฐ ของ บิ๊กตู่” ซึ่งกูรูด้านการเมืองวิเคราะห์ว่า  ร้อยร้าวที่เกิดขึ้นมีผลต่อการตัดสินใจรับตำแหน่งผู้นำพรรคในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน แง่หนึ่งอาจมองได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจตัดสินใจรับตำแหน่งผู้นำพรรคเพื่อง่ายต่อการ คอนโทรล รวมถึงการสลายขั้วต่างๆภายในพรรค

แต่อีกแง่หนึ่งก็มีการมองว่า การตัดสินใจรับตำแหน่งผู้นำพรรคย่อมทำให้ภาพความเป็นคนกลางของพล.อ.ประยุทธ์ต้องหมดลงไปด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าคงไม่สามารถใช้วิธีทุบโต๊ะเพื่อยุติปัญหาได้เสมอไป ประเด็นนี้จึงไม่มีใครรู้คำตอบดีไปกว่าตัว บิ๊กตู่ เอง

นอกเหนือจากประเด็นร้อยร้าวภายในมุ้งพลังประชารัฐ สิ่งที่ต้องติดตามต่อคือทิศทางของ “รัฐนาวาประยุทธ์2” ในสภาวะเสียงปริ่มน้ำ โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมายสำคัญอาทิพ.ร.บ.งบประมาณ ว่าจะสามารถลอยลำไปได้ไกลแค่ไหน?