จะรัดเข็มขัดหรือลงทุนต่อ:ทางรอดของธุรกิจ ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย

จะรัดเข็มขัดหรือลงทุนต่อ:ทางรอดของธุรกิจ ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย

ช่วงนี้หลายๆท่าน คงได้มีการติดตามข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจ อาจจะได้ยินเรื่องของการปิดตัวลงของหลายๆธุรกิจ การลดคนงาน

ทำให้หลายๆท่านอาจต้องเริ่มหาทางในการวางแผนการบริหารธุรกิจให้ยังคงดำเนินต่อไปได้ วันนี้ผมมีบทความดีดีจากนักวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Co., Ltd. คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® ที่ได้ไปอ่านข้อมูลจากบทความของ Harvard Business review แล้วนำมาสรุปง่ายๆให้ทุกท่านได้อ่านดังนี้ครับ

“เป็นธรรมดาสำหรับการทำธุรกิจ ที่บางครั้งอาจจะต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาด อยู่ตลอดเวลา บางครั้งตลาดเป็นขาขึ้นก็ช่วยให้ยอดขายดีขึ้น แต่ในช่วงที่ตลาดถดถอย นั้นก็เหมือนเป็นตัวชี้วัดความสามารถของเจ้าของธุรกิจว่าจะพาธุรกิจ รอดผ่านไปได้หรือไหม  หลายธุรกิจล้มหายไป หลายธุรกิจ รอดมาได้แต่ก็ทำได้แค่ประคองตัว แต่บางธุรกิจ เมื่อผ่านมรสุมมาได้ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยึดตลาดได้มากขึ้น ดังตัวอย่างเช่น ธุรกิจห้างสรรพสิน ที่ในปัจจุบันที่เหลือเพียงแค่รายใหญ่ยึดตลาดไปหมด ขณะที่คู่แข่งรายอื่นได้ล้มหายไปจากตลาดเสียหมด

กลยุทธ์อะไรที่ทำให้ บริษัทเหล่านี้ สามารถนำตัวเองรอดผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอยมาได้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ โดยเมื่อหลายวันก่อนผมได้ มีโอกาสอ่านบทความของ Harvard Business Review ซึ่งได้ทำการวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างบริษัทมหาชนทั้งหมด 670 บริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงวิธีการรับมือในช่วงเศรษฐกิจขาลงปี 2007-2009 ว่าแต่ละบริษัทมีวิธีการรับมือ แตกต่างกันอย่างไรและ เมื่อผ่านช่วงเศรษฐกิจขาลงไปแล้ว แต่ละบริษัทมีสถานะการเงินเป็นอย่างไรกันบ้าง จึงขอนำมาเล่าให้ได้อ่านกันครับ

โดยการศึกษาเริ่มจากการที่ทาง Harvard Business Review ได้เข้าไปทำการสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 670 บริษัทมหาชนในสหรัฐอเมริกา เกี่ยวการปรับแผนงบประมาณ ด้านแรงงาน, การลงทุนซื้อสินทรัพย์ Capital Expenditures  (CAPEX),การวิจัย และพัฒนา Research & Development (R&D), และ ความรับผิดชอบต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อมขององค์กร Corporate Social Responsibility (CSR) ในช่วงเศรษฐกิจขาลงปี 2007-2009 โดยที่ให้ความสนใจไปที่ว่า แต่ละบริษัทนั้น จะเลือกใช้กลยุทธ์ใดให้อยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจถดถอย มากกว่ากันระหว่าง ด้านการลงทุนที่มากขึ้น กับ มาตรการรัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่าย

จากผลการศึกษาพบว่าบริษัทที่เลือกที่จะใช้กลยุทธ์คงงบประมาณการลงทุนใน  R&D และ CSR  ไว้ตามแผนเดิม เมื่อผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว บริษัทนั้นจะสามารถทำผลกำไรได้ดีกว่าบริษัทอื่นๆในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ในทางกลับกันกับบริษัท ที่เลือกที่จะคงงบประมาณการลงทุนใน ด้านแรงงานและงบลงทุน CAPEX กลับทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไรหนัก

โดยทั้งนี้ยังพบว่า บริษัทที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจมาได้คือ บริษัทที่เลือกที่จะเดินกลยุทธ์ 2 ขาไปพร้อมๆกันนั่นคือ การลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และ งบลงทุนCAPEX ควบคู่กับการคงงบประมาณสำหรับด้าน R&D และ CSR ไว้เท่าเดิม โดยทาง ผู้วิจัยได้ค้นพบถึงสาเหตุที่ว่าทำไมการ เลือกที่จะไม่ลดงบประมาณในการทำ R&D และ CSR ถึงช่วยให้ธุรกิจกลับมาทำผลงานได้ดีหลังผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ โดยได้อธิบายไว้ดังนี้ครับ

ในแง่ของการทำวิจัย R&D นั้น ผลลัพธ์จากการวิจัย R&D บางอย่าง สามารถที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตให้กับบริษัทได้นั่นเอง เช่น ช่วยให้ต้นทุนในการผลิตถูกลง หรือมีความยืดหยุ่นในการผลิตที่มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บริษัทเหล่านี้เอาตัวรอดจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไปได้แล้ว ยังเพิ่ม ความสามารถในการแข่งขันให้กับตัวบริษัทในยามเศรษฐกิจปรกติได้อีกด้วย

ส่วนการทำ CSR นั้นจากการวิจัยพบว่า จะสามารถช่วยให้ตัวบริษัทโดดเด่นออกมาจากคู่แข่ง เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อตัวองค์กร เกิดสายสัมพันธ์อันดีต่อ สังคมโดยรอบองค์กรนั้นๆ และยังช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์สินค้าขององค์กรนั้นอีกด้วย

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผมเชื่อว่า ท่านผู้ประกอบการหลายๆท่านคงจะเริ่มเห็นแนวทางหรือมีไอเดียที่จะรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจกันบ้างแล้วแน่ๆ ผมในฐานะผู้นำเรื่องดีๆมาแบ่งปัน ขอเป็นแรงใจให้นักธุรกิจไทย ประสบความสำเร็จ ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ด้วยดีครับ ให้โลกได้รู้เลยว่านักธุรกิจไทย ก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก”