ไทยจะตายด้วยโรคร้ายจากละตินอเมริกา?

ไทยจะตายด้วยโรคร้ายจากละตินอเมริกา?

ช่วงนี้มีการแข่งขันฟุตบอลโลกของฝ่ายหญิง ชุดฟุตบอลหญิงของไทยได้ไปร่วม แม้จะตกรอบแรก

แต่มองได้ว่าฟุตบอลหญิงของไทยประสบความสำเร็จมากกว่าฟุตบอลของชายไทยที่ยังไม่เคยไปกรายเวทีโลก ทั้งที่โดยทั่วไปเมืองไทยติดโรคหนึ่งซึ่งระบาดอยู่ในละตินอเมริกามานานแล้ว นั่นคือ โรคคลั่งฟุตบอล นอกจากโรคนี้ ละตินอเมริกามีโรคอีก 2 ชนิดซึ่งระบาดเข้ามาถึงเมืองไทยแล้วเช่นกัน

โรคคลั่งฟุตบอลมีส่วนดีอยู่บ้าง เช่น ก่อให้เกิดความมุ่งมั่นในการฝึกร่างกาย เป็นปัจจัยในด้านเศรษฐกิจและมีผลดีต่อจิตใจอันเกิดจากการได้ชมการแข่งขัน แต่ในขณะเดียวกัน มันอาจมีผลร้ายอยู่บ้าง เช่น การอดนอนเพื่อชมการถ่ายทอดการแข่งขันในต่างประเทศและการเป็นฐานของการพนัน ส่วนโรคอีก 2 ชนิดสร้างผลเสียหายร้ายแรงมาก โรคแรกชื่อ “ประชานิยม” โรคที่ 2 ชื่อ “สามขาเดี้ยง”

เชื้อโรคประชานิยมถูกนำเข้าเมืองไทยแบบจงใจโดยรัฐบาลซึ่งประกอบด้วยบุคคลฉ้อฉลกลุ่มหนึ่งเมื่อปี 2544 หลังจากวันนั้น มีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเรื่องอะไรเป็นประชานิยม อะไรไม่น่าจะเป็น รัฐบาลต่อๆ มาได้ต่อยอดนโยบายหรือไม่ เปลี่ยนชื่อโครงการไหน ยกเลิกอะไรไปบ้าง เมืองไทยป่วยด้วยโรคประชานิยมหรือยัง และผลจะเป็นอย่างไร

ในฐานะผู้ติดตามเหตุการณ์ในละตินอเมริกาและเขียนหนังสือเรื่อง “ประชานิยม ทางสู่ความหายนะ (ดาวน์โหลดได้ฟรีที่ www.bannareader.com) ผมมองว่า เมืองไทยติดเชื้อโรคนี้แล้ว แม้รัฐบาลจะยกเลิกบางโครงการ แต่ได้ต่อยอดบางโครงการให้เข้มข้นขึ้นและเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้าไปอีก ผลร้ายอาจยังไม่ปรากฏอย่างแจ้งชัดในขณะนี้ แต่ประวัติศาสตร์บ่งว่ามันจะมีแน่นอน อาร์เจนตินาซึ่งครั้งหนึ่งมั่งคั่งและมีทุนสำรองกองใหญ่เช่นเดียวกับไทยมีอยู่ในขณะนี้ใช้เวลา 40 ปีก่อนที่จะล้มละลายหลังจากเริ่มใช้นโยบายประชานิยม หลังจากการล้มละลายครั้งแรกนั้น อาร์เจนตินาล้มลุกคลานมากว่า 60 ปีพร้อมกับมีความรุนแรงทางการเมืองเป็นระยะ ๆ รวมทั้งการฆ่าประชนชนหลายหมื่นคนโดยรัฐบาลทหาร

ประเทศละตินอเมริกาส่วนใหญ่ล้มลุกคลุกคลานคล้ายอาร์เจนตินา เวเนซุเอลากำลังตกอยู่ในภาวะล้มละลายส่งผลให้ประชาชนอดอยากอย่างแพร่หลายและจำนวนนับล้านหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เวเนซุเอลามีน้ำมันปิโตรเลียมที่ค้นพบแล้วมากที่สุดในโลก แต่น้ำมันช่วยอะไรไม่ได้มากเนื่องจากประเทศป่วยด้วยโรคประชานิยมถึงขั้นวิกฤติแล้ว

โรคสามขาเดี้ยงเกิดบนฐานของการปกครองแนวประชาธิปไตยที่มีการถ่วงดุลอำนาจกันระหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ สหรัฐเริ่มใช้แนวนี้ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเมื่อปี 2319 และเป็นต้นแบบที่ละตินอเมริกาพยายามเดินตามเมื่อได้เอกราช แต่หลังเวลาผ่านไปเกือบ 200 ปี ละตินอเมริกาโดยทั่วไปไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากเกิดโรคสามขาเดี้ยง โรคนี้เริ่มที่ฝ่ายบริหารซึ่งในประวัติอันยาวนานมีทั้งนักการเมืองฉ้อฉลที่มาจากการเลือกตั้งและทหารฉ้อฉลซึ่งยึดอำนาจเข้ามา ฝ่ายบริหารฉ้อฉลค่อย ๆ กระจายผลร้ายไปสู่ฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งมาจากการเลือกตั้งบ้างและจากการแต่งตั้งบ้าง หลังจากนั้น จึงขยายไปสู่ฝ่ายตุลาการซึ่งมักมาจากการแต่งตั้งของฝ่ายบริหารโดยผ่านการเห็นชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ โรคนี้ผสมกับโรคประชานิยมได้ถล่มละตินอเมริกามาหลายสิบปี

ณ วันนี้ ชาวไทยดูจะไม่ตระหนักว่าในละตินอเมริกามีโรคสามขาเดี้ยงและมันได้ระบาดเข้ามาถึงเมืองไทยแล้วโดยฝ่ายตุลาการซึ่งรวมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดเป็นขาล่าสุดที่เดี้ยง ประเด็นนี้คงเป็นที่ถกเถียงกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ผมมั่นใจว่า ถ้าพิจารณาโดยปราศจากประโยชน์ส่วนตน ผลจะเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัด

ย้อนไปไม่กี่สัปดาห์ นายกฯ แนะนำคนไทยให้อ่านหนังสือชื่อ สู่จุดจบ! (ดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ดังกล่าว) ปกของหนังสือเล่มนี้มีคำโปรยว่า เราเก่งกว่าเขา หรือว่าเราไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ ในฐานะผู้เขียนหนังสือทั้ง 2 เรื่อง ผมขอเสนอให้ผู้อยู่ใน 3 ฝ่ายไปศึกษาปรากฏการณ์ในละตินอเมริกาแล้วพิจารณาด้วยใจเป็นกลางว่า เมืองไทยติดโรคสามขาเดี้ยงด้วยหรือไม่ ถ้าอาการบ่งชี้ว่าน่าจะติดแล้ว จงรีบร่วมมือกันกำจัดก่อนที่ประเทศจะป่วยจนอาจบำบัดไม่ได้เช่นเวเนซุเอลา