“บิ๊ก จ.” เอาใจ “ลูกพี่” ปั่นตัวเลขคืนโฉนดที่ดิน

ปมโดนปลดจะตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)

เด้งพ้นจาก “สีกากี” ให้มานั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา

แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาภาพ “บิ๊กโจ๊ก” เดินสายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่จ.นครศรีธรรมราช ถูกปล่อยออกมา ตามด้วยกระแสข่าวย้ายกลับมาดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” แต่ถูกบรรดา “บิ๊กครม.-บิ๊กสีกากี” ตอบปฏิเสธ

ทว่าชื่อของ “บิ๊กโจ๊ก” มาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หลัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลงนามให้เข้ามาอยู่ในคณะอนุกรรมการก.ตร.เกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบ

แม้จะอ้างว่า “คนนอก” สามารถเข้ามาเป็นคณะอนุ ก.ตร. ได้ แต่รายของ “บิ๊กโจ๊ก” แสดงให้เห็นถึงสายใยอำนาจที่ “บิ๊กป้อม” วางไว้ใน “สตช.” ยังใช้บริการ “ค่ายเดิม” แม้จะโดนบีบให้ย้ายค่ายก็ตาม

ส่วนศึกคืนโฉนดที่ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาแฉมีโฉนดงอกออกมา พร้อมจับพิรุธการทำงานของทีมงานชุดก่อน ซึ่งขณะนั้น “บิ๊ก จ.” ยังเรืองอำนาจ ตั้งข้อสงสัยการดำเนินคดีกับ “นายทุน” ที่ยึดโฉนดชาวบ้าน เทียบตัวเลขโฉนดที่ดินที่คืนให้ชาวบ้าน 2 หมื่นกว่าฉบับ ก็น่าจะมีการดำเนินคดีกว่า 2 หมื่นคดี

ทว่าคดีเกี่ยวกับ “นายทุน” ถือครองโฉนดมีการฟ้องจริงแค่หลักร้อยคดี ซึ่งแตกต่างจากจำนวนโฉนดที่ดินที่ “บิ๊กป้อม” ส่งคืนให้กับ “ชาวบ้าน” ที่เดือดร้อน

ว่ากันว่าปฏิบัติการทวงคืนโฉนดจัดฉากแหกตาประชาชน เนื่องจาก “บิ๊ก จ.” ทำงานเน้นประมาณ เอาใจ “ลูกพี่” เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ของงาน มากกว่าความถูกต้อง-เที่ยงตรง

หากพบว่า “นายทุน” คนใดถือครองโฉนดผิดกฎหมาย จะสั่งการให้ “นายทุน” ไปหาโฉนดจากชาวบ้าน เพื่อมาให้เจ้าหน้าที่ ก่อนจะแจกกลับให้กับ “เจ้าของตัวจริง” ซึ่งไม่เกี่ยวกับการถือครองโฉนดผิดกฎหมายเลย

แต่ที่ “บิ๊ก จ.” บีบให้ “นายทุน” ทำ เพื่อแลกกับการไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ “นายทุน” ที่ถือครองโฉนดผิดกฎหมาย เมื่อ “นายทุน” เข้าตาจนก็ต้องทำตาม “บิ๊ก จ.” สั่ง

งานนี้จับตาดูจะสาวกันให้ลึก เชื่อมโยง “บิ๊ก จ.” ให้ไม่ได้กลับมามีอำนาจอีก หรือสายสัมพันธ์กับ “ผู้มีอำนาจ” ของ “บิ๊ก จ.”จะคอยช่วยเหลืออีกหรือไม่

โดย... หมัดเมา