Libra ทำลายล้างระบบการเงินโลก

Libra ทำลายล้างระบบการเงินโลก

หาก Facebook(Fb) คือสื่อสังคมออนไลน์ที่ปฏิวัติระบบสังคมในปัจจุบัน Libra ซึ่งเป็นสกุลเงินใหม่ที่ Fb ร่วมกับพันธมิตรสร้างขึ้น

และจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2020 ก็จะมีปฏิวัติระบบการเงินโลกในระดับเดียวกัน

เพียง 13 ปีที่ Fb ก่อตั้งขึ้น ก็ได้เปลี่้ยนการปฏิสัมพันธ์ของผู้คนและเปิดโอกาสเชิงพาณิชย์อย่างมาก เพื่อนที่ห่างหายกันมานานสามารถพบกัน เพื่อนใหม่รู้จักกันดีขึ้น หนุ่มสาวสามารถพบรักกัน ธุรกิจใหม่ ๆ สามารถเกิดขึ้น ขณะที่ธุรกิจเดิมก็เกิดช่องทางเชิงพาณิชย์ใหม่ ๆ

แต่ในขณะเดียวกัน Fb ก็ทำให้ผู้ที่เสพติดขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง กลุ่มการเมืองสามารถสร้างข่าวลวง ยุยงปลุกปั่น และเป็นต้นกำเนิดของการประท้วงและการโค่นล้มของรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลกโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง แอฟริกา พม่า รวมถึงบิดเบือนการเลือกตั้งในสหรัฐ

หากสังคมโลกที่มี Fb ต่างกับสังคมโลกยุคก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ระบบการเงินโลกก่อนและหลัง Libra ถือกำเนิดก็จะเป็นเฉกเช่นเดียวกัน และเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ บทความนี้จะตอบ 3 คำถามหลัก ดังนี้

1.Libra คืออะไร และมีกระบวนการทำงานอย่างไร

Libra คือเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (หรือที่เรียกว่า Cryptocurrency) สกุลใหม่ที่คิดค้นขึ้นโดย Fb ซึ่งต่างจากเงิน Crypto อื่น ๆ เช่น Bitcoin และ Etherium แม้ว่าจะใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Blockchain ในลักษณะเดียวกัน

เพราะ Libra เป็น Stable Coin กล่าวคือจะมีองค์กรกลางที่ชื่อ Libra Association กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอน(สูตรคำนวณขึ้นอยู่กับตระกร้าเงินที่ขึ้นกับเงินสกุลหลัก เช่น ดอลลาร์ ยูโร และเยน) ฉะนั้น ค่าเงินจะไม่ผันผวน และจะมีเงินจริง ๆ หนุนหลัง Libra ตลอดเวลา

Libra Association จะทำหน้าที่หลักเหมือนธนาคารกลาง โดยเก็บสะสมและบริหารทุนสำรองที่ใช้หนุนหลังเงินสกุลนี้ โดยองค์กรนี้ตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ และเกิดจากบริษัทเอกชน 29 แห่ง เช่น Visa, Stripe, Vodafone, Spotify, Uber รวมถึงบริษัท Fintech เช่น Coinbase เป็นต้น โดยมีค่าเข้าร่วมเป็นผู้ก่อตั้ง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบริษัท และ Fb ตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มขึ้นจนถึง 100 องค์กรในที่สุด โดยหน้าที่หลักขององค์กรนี้จะเป็นผู้จดบันทึกและอนุมัติธุรกรรมที่ผู้ใช้ Libra ทำการซื้อขาย แลกเปลี่ยน และโอนเงินทั้งหมดในโลกนี้

ในส่วนของ Fb เอง ก็จะสร้างกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) ของตนเองขึ้นใหม่ ที่ชื่อ Calibra เพื่อที่จะรับเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน Libra ระหว่างผู้ใช้อีกด้วย โดย Calibra จะฝังตัวใน Application ที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุย เช่น whatsapp และ Facebook messenger เพื่อเป็นผู้เล่นในธุรกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้ การที่ Libra จะสามารถแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินใด ๆ ได้นั้น จะต้องได้รับการอนุญาตทางการของประเทศนั้น ๆ ก่อน ซึ่งเป็นประเด็นในเชิงเทคนิคด้านกฎหมายในแต่ละประเทศ

2.Libra มีประโยชน์อย่างไร

Libra จะทำให้การโอนเงินทำได้ง่าย แพร่หลายและรวดเร็ว โดยผู้ใช้ Fb ทั่วโลกในปัจจุบันมี 2.4 พันล้านคน โดยมีการคำนวณว่าผู้ใช้ทุกคนแปลงเงินสกุลท้องถิ่นของตนเป็น Libra เพียง 10% ของปริมาณเงินที่ถืออยู่ จะทำให้ Libra มีเงินหมุนเวียนอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ของสหรัฐที่ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์)

ทั้งนี้ กระบวนการทำธุรกรรมซื้อขาย แลกเปลี่ยน โอนเงินทำได้โดยง่าย โดยทำผ่าน Fb messenger รวมถึง App ใหม่ที่ Libra Association จะตั้งขึ้น ซึ่งจะคล้าย App ที่สามารถโอนเงินได้ เช่น Transferwise หรือ Venmo ที่ใช้ในสหรัฐ แต่ค่าธรรมเนียมจะถูกกว่ามาก (แทบไม่มี) ขณะที่ TransferWise จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 2% ดังนั้น Libra ก็อาจทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินตราอาจล้มละลายได้

นอกจากนั้น กระบวนการโอนเงินทำได้รวดเร็วกว่า ยิ่งกว่า Cryptocurrency อื่น ๆ เช่น Bitcoin หรือ Etherium เพราะกระบวนการจดบันทึกธุรกรรมทำง่ายกว่า โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติและจดบันทึกธุรกรรมจากผู้เล่นทุกรายดังเช่น Crypto อื่น ๆ (ซึ่งทำให้ช้า) แต่ Libra Association จะเป็นผู้อนุมัติและจดบันทึกให้ ทำให้สามารถอนุมัติธุรกรรมได้ถึง 1,000 ธุรกรรมใน 1 วินาที ต่างจาก bitcoin ที่ใช้เวลา 7 วินาทีต่อการอนุมัติ 1 ธุรกรรม

3.Libra มีความเสี่ยงอย่างไร

จากข้อมูลที่ Fb เปิดเผย ณ ขณะนี้ ผู้เขียนเห็นความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจการเงินโลก 2 ประการ

ประการแรก ได้แก่ การเข้าถึงข้อมูลการใช้เงิน การที่ทุกธุรกรรมต้องได้รับการอนุมัติและจดบันทึกจาก Libra Association ทำให้ Libra Association ได้รับข้อมูล (Big data) อย่างมหาศาลในการทำธุรกรรมของผู้ใช้ Libra ทั่วโลก ทำให้มีแต้มต่อเชิงธุรกิจเหนือคู่แข่งที่ไม่ได้เข้าถึงข้อมูลนั้นอย่างเทียบไม่ได้ ซึ่งหาก Fb หรือ Libra Association ต้องการจะพัฒนาตนเองขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ เช่น รับฝากหรือปล่อยกู้ด้วยเงิน Libra ธนาคารดังกล่าวก็จะมีแต้มต่อธุรกิจการเงินอื่น ๆ อย่างมหาศาลเนื่องจากจะเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด

ประการที่สอง ทำให้ระบบการเงินในประเทศเล็กอ่อนแอลง เนื่องจากในการทำธุรกรรมด้วย Libra ผู้ใช้จะนำเงินสกุลจริง เช่น เงินบาทที่อยู่ในบัญชีธนาคารพาณิชย์ในไทย (ตัวอย่างสมมุติ) ไปแลกเป็นสกุล Libra หาก Libra Association นำเงินบาทที่ได้ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพื่อเก็บสะสมเป็นทุนสำรองของ Libra เงินบาทก็จะถูกขายไป ซึ่งจะทำให้ (1) เงินบาทอ่อนค่าลง และ (2) ปริมาณเงินที่อยู่ในงบดุลของธนาคารพาณิชย์นั้น ๆ ลดลง ซึ่งจะทำให้ธนาคารพาณิชย์นั้น ๆ และระบบการเงินในไทยอ่อนแอลง

ดังนั้น Libra จะทำให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยน และระบบสถาบันการเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดเล็กมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลาย เพราะประชาชนในประเทศเกิดใหม่ ที่สกุลเงินมีความผันผวนสูง (เช่น ตุรกี อาเจนตินา แอฟริกาใต้ และอินโดนิเซีย) มีแนวโน้มที่จะแลกเงินสกุลของตนไปสู่ Libra หากมีความเสี่ยงวิกฤตการเงิน ซึ่งจะทำให้เงินสกุลนั้น ๆ เกิดวิกฤตการเงินได้ง่าย (หรือที่เรียกว่า Self-Fulfilling Prophecy) รวมทั้งทำให้ธนาคารกลางในประเทศเหล่านั้นไม่สามารถควบคุมปริมาณเงิน กระบวนการแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือแม้กระทั่งไม่สามารถทำการควบคุมเงินทุนหรือ Capital Control ได้

กล่าวโดยสรุป ผู้เขียนเห็นว่า การกำเนิดขึ้นของ Libra จะเป็นเงินสกุลกลางใหม่ของโลก แม้จะมีประโยชน์ในการทำธุรกรรมของคนทั่วโลก แต่ก็อาจนำมาสู่การล่มสลายของสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการโอนและแลกเปลี่ยนเงินตรา รวมถึงเงินสกุลเล็ก ๆ ในประเทศเกิดใหม่บางประเทศ

หาก Fb ทำลายล้างการปฏิสัมพันธ์ของสังคมโลกในอดีต Libra ก็จะทำลายล้างระบบการเงินโลกในอนาคตเฉกเช่นเดียวกัน

[ บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่ ]