คาถาสำหรับผู้นำ

คาถาสำหรับผู้นำ

ถ้าวันใดวันหนึ่งบุญหล่นทับให้ได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหาร แล้วอยากให้การงานประสบความสำเร็จ ขอแนะนำให้รีบศึกษาคาถาสำหรับผู้บริหาร

ซึ่งมีผู้นำในหลายประเทศทั่วโลกนำคาถานี้ไปใช้แล้วเกิดผล ให้ผลการดำเนินการขององค์กรก้าวไกลไปถึงความเป็นเลิศ คือสามารถสร้างผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ดีแล้ว ปีหน้าดีกว่าปีนี้เสียอีก คาถานี้ใช้ได้ผลกับคนทั่วโลก ไม่จำกัดชาติภาษา จะใช้ไม่ได้อยู่บ้างก็เฉพาะแต่องค์กรวิปวิต ที่ทั้งผู้นำทั้งผู้ตามจมอยู่กับวันวาน เฝ้าแต่ภาวนาว่าขอให้พรุ่งนี้เป็นเหมือนกับเมื่อวานนี้ตลอดไป ลูกน้องคนไหนไม่เชื่อ ก็เอาไปปรับความคิดความเชื่อด้วยวิธีการต่างๆ นานา ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองกำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในองค์กรวิปริต แนะนำให้ศึกษาคาถาผู้นำนี้ไว้ให้ดี ๆ

คาถาเริ่มจาก 1. อาราธนาวิสัยทัศน์ แปลว่าต้องรู้ว่าจะนำองค์กร นำลูกน้องไปที่ไหน ขึ้นเป็นผู้นำวันไหน วันนั้นต้องรู้ว่าเส้นชัยอยู่ตรงไหน 2. ขอลูกค้าเป็นสรณะ คือรู้ว่าลูกค้าชอบใจ ไม่ชอบใจอะไรบ้าง ตรงไหนบ้างในบรรดากิจกรรมทั้งหลายที่เราได้ทำไป พาลูกค้าไปถึงเส้นชัยแล้ว แล้วได้ใจลูกค้ามากน้อยแค่ไหน จะทำอะไร จะพาไปไหนต้องได้ใจลูกค้าเป็นสำคัญ

3.“ขอความสำเร็จทั้งปวงจงมาจากบุคลากร แปลว่าต้องรู้ว่าคนมีจำนวนพอกับงานหรือเปล่า คนเก่งพอสำหรับงานที่ต้องทำมากน้อยแค่ไหน ผลตอบแทนต่าง ๆนานา ที่มอบให้นั้น ดีพอที่จะรักษาบุคลากรได้ดีแค่ไหน และบุคลากรมีการพัฒนาในด้านต่างๆ มากน้อยแค่ไหน 

4.“ความสำเร็จ ตลอดจนความล้มเหลวใด ๆที่เกิดขึ้นจงกลายเป็นการพัฒนา แปลว่า งานสำเร็จก็มีสติรับรู้ว่างานเสร็จได้ด้วยดีนั้นมาจากวิธีการทำงานที่ดีอย่างไรบ้าง และจดจำวิธีนั้นไว้ใช่ในวันหน้าต่อไป งานล้มเหลวก็ผิดเป็นครู ผิดแล้วแก้ไขปรับปรุง จนบรรลุผล คาถานี้ช่วยให้ไม่ท้อแท้เมื่อเจอความล้มเหลว 

5.“ขอให้สมาธิการงานแน่วแน่ไปสู่ความสำเร็จ แปลว่า ทำการงานทุกอย่างต้องรู้ว่าทำไปเพื่อให้เกิดความสำเร็จใดบ้าง ไม่สักแต่ว่าทำไปตามที่คุ้นเคย จะนำใครให้ทำอะไร ก็บอกได้ตลอดว่า งานไหน ทำไปเพื่ออะไร ที่สำคัญคือทำได้แค่ไหนถึงจะเรียกได้ว่าทำสำเร็จแล้ว 

6.“ขอนวัตกรรมจงมาอยู่ใกล้ตัว” แปลว่าถ้าเราเก่งเรื่องไหน ให้สรรหาโอกาสที่จะใช้ความเก่งนั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงใด ๆที่มีความหมายต่อผลการดำเนินการ คือเปลี่ยนแปลงโดยอาศัยความเก่งของเราแล้วผลงานดีขึ้นนั่นเอง

7.“ขอความจริงกับการงานทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นที่ประจักษ์” แปลว่าทำงานโดยมีการวัดความก้าวหน้าของผลผลิต ผลลัพธ์ ว่าก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน งานทุกงานต้องวัดความสำเร็จได้ วัดอุปสรรคได้ เหมือนมีมาตรวัดในรถที่ทำให้ทราบได้ว่าขณะใดเราขับรถเร็วมากน้อยแค่ไหน ขับมาแล้วไกลมากน้อยแค่ไหน ไม่เดาสุ่มเอาเองว่าไปถึงที่นั่นที่นี่แล้ว

8.“ขอชุมชนและสังคมโดยรวมจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด” แปลว่าทำอะไรก็ดูด้วยว่ารอบ ๆตัวนั้น เขาจะทุกข์ร้อนอะไรกับที่เราได้ทำไปหรือไม่ หรือที่ดีไปกว่านั้นคือเราทำของเราแล้ว ไม่ใช่แค่เราจะดีขึ้นคนเดียว แต่สังคมโดยรวมจะดีตามไปด้วย ลดการใช้ถุงพลาสติกในองค์กรลงได้ หมายความว่า โลกดีขึ้นด้วยจากภาระที่ลดลงในการกำจัดถุงพลาสติก

9.“ขอคุณธรรมและจริยธรรมจงสถิตย์อยู่ในใจในกายแปลว่าทุกงานที่ทำ จะทำอย่างมีจริยธรรม ทำตามกฏหมาย กฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการงานนั้น ๆ แม้นว่าไม่มีกฎหมายห้ามไว้ แต่ก็ไม่ทำ เพราะตระหนักว่า หากกระทำไปแล้วไปสร้างความทุกข์ร้อนนานาประการให้บังเกิดขึ้น กับคนนั้นคนนี้ นอกจากนั้นยังไม่นำองค์กรแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่นำองค์กรอย่างเปิดเผยและโปร่งใส

10.“ขอผลลัพธ์ และคุณค่าจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าแปลว่าทำงานโดยใส่ใจว่าผลลัพธ์มีอะไรบ้าง ไม่ใช่ดูแค่ว่าได้ทำอะไรไปบ้าง แต่ดูว่าได้ผลแค่ไหนด้วย ดูว่าได้ผลจริง ผลนั้นมีคุณค่าจริง ไม่ใช่แค่ดูว่าได้ทำ

คาถาสิบข้อนี้ ใครนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จะเกิดอานิสงค์ให้บรรลุความเป็นเลิศในที่สุด