เมื่อเณรกลายเป็นสมภาร

เมื่อเณรกลายเป็นสมภาร

คงเคยบ่นกันมาบ้างว่า คนแบบนี้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้อย่างไร เพราะคงเคยเจอะเจอว่ามีบางคนได้เป็นใหญ่เพราะบุญหล่นทับ เป็นใหญ่อย่างไม่พร้อม

ไม่รู้ตัวว่ากระดูกยังอ่อน ได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหารก็ทำอะไรต่ออะไรมั่วไปหมด นำองค์กรไปทางไหนก็ไม่รู้ ตัดสินใจแย่ๆ ไปแทบทุกเรื่อง จะขอความสนับสนุนในเรื่องการงานใด ก็ไม่ได้อย่างที่อยากได้ แต่ได้อะไรที่ไม่ได้ประโยชน์มาแทน ผู้บริหารที่มีคนช่วยเข็นขึ้นมานั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่ง นำอย่างแย่ๆ กำกับทิศทางองค์กรอย่างสับสน และขับเคลื่อนไปตามเหตุการณ์ ไม่ใช่ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจ

ทำอย่างไรดี เมื่อองค์กรของเรามีสภาพเหมือนวัดที่มีเณรกลายเป็นสมภาร ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่าที่เป็นสมภารอยู่ตอนนี้นั้น เราแค่เห็นเขาเป็นเณรเพียงเพราะอายุอานามยังน้อยหรือเปล่า ในสังคมที่ยึดมั่นระบบอาวุโส มักเชื่อกันว่าอาวุโสกว่าเราเท่านั้น ที่จะเป็นนายใหญ่ได้ ดังนั้น ลองทบทวนดูให้แน่ใจก่อนว่าเณรที่เราว่ามาเป็นสมภารนั้น นำองค์กรอย่างแย่ๆ กำกับการงานแย่ ๆ และให้การสนับสนุนการงานอย่างย่ำแย่จริงๆ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็น และที่สำคัญที่สุดคือคนอื่นก็มองเห็นว่าเป็นเณรจริงๆ ต้องมั่นใจก่อนว่าเณรที่มาเป็นสมภารนั้น เป็นแค่เณรน้อย ไม่ใช่เณรเปรียญเก้า ที่อ่อนด้อยอยู่แค่อายุเท่านั้น

โดยทั่วไปแล้ว ผู้บริหารอ่อนหัดไม่สามารถสร้างผลกระทบให้กับการงานของเราไปหมดทุกเรื่อง เพราะเก่งไม่จริงจึงมักโฟกัสลงไปในบางเรื่อง เณรที่มาเป็นสมภารนั้นทำได้แค่พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กเรื่องน้อยบางเรื่อง ตามสติปัญญาที่พอมีอยู่บ้าง จึงต้องดูว่างานเราเจอผลกระทบใดๆ จากผู้บริหารอ่อนหัดบ้างหรือไม่ ถ้าไม่เจออะไร การงานก็เป็นไปตามปกติ ก็ปล่อยวางไปกับการทนดูเณรน้อยนั่งเก้าอี้สมภารต่อไป อย่าไปใส่ใจใดๆ กับความอ่อนด้อยในฝีมือการจัดการในเรื่องที่ไม่กระทบการงานของเราโดยตรง ไม่เกี่ยวไม่ต้องใส่ใจ

ถ้าพบว่าเณรที่เป็นสมภารนั้นสร้างความล้มเหลวในการงานเรื่องใด ให้เอางานนั้นออกจากมือเณรน้อย ซึ่งทำได้ทั้งแบบใช้กำลังบังคับให้ปล่อยมือ หรือเสนอตัวช่วยทำงานนั้นแทน เอาออกโดยใช้กำลังจากกฎหมู่ ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะออกด้วยกำลังวันนี้ วันหน้าก็กลับมาใหม่ด้วยกำลังเช่นกัน การเสนอตัวช่วยทำงานนั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยให้งานสำเร็จ แต่ยังเป็นก้าวแรกของการช่วยฝึกงานให้กับเณร เผื่อวันหน้าจะได้เก่งขึ้นจนเป็นเณรเปรียญเก้า ซึ่งถ้าไม่ช่วยทำ การงานก็ไม่บรรลุผล เณรในเก้าอี้สมภารก็ยังคงเป็นเณรในเรื่องนั้นอยู่ต่อไปอีก

การนำองค์กรอย่างสับสน มีเหตุสำคัญมาจากความอ่อนด้อยในการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กรมาสู่บุคลากรที่เป็นคนทำงาน ดังนั้นถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง ก็ต้องช่วยหาตัวอย่างการสื่อสารที่ดีมาให้ดู ซึ่งพอมีตัวอย่างผู้บริหารที่สื่อสารเก่ง ๆให้เห็นอยู่เสมอ แต่ต้องมีศิลปในการนำเสนอตัวอย่างให้เณรน้อยยอมรับได้ โดยไม่เสียหน้า จะเป็นเจ้าคุณ หรือเณรน้อยเสียหน้าเมื่อใด ออกฤทธิ์ไม่ต่างกันมากนัก นอกจากหาตัวอย่างที่ดีให้ดูแล้ว การบอกเณรน้อยกลับไปว่าที่สื่อสารมานั้น เราเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้ ถามว่าตรงกับที่ตั้งใจจะบอกเราใช่หรือไม่ เพื่อบอกให้เขาทราบว่าเขาสื่อสารได้ตรงกับที่เขาตั้งใจจะบอกเรามากน้อยเพียงใด เณรน้อยจะได้เอาไปปรับปรุงได้ วันหน้าจะได้สื่อสารแบบไม่สับสน

ความอ่อนด้อยในฝีมือบริหารทำให้การงาานไม่เกิดผล ผู้บริหารกระดูกอ่อนจึงเข้าใจไปว่าบุคลากรภายใต้การนำของเขาไม่ตั้งอกตั้งใจในการทำงาน แล้วตามมาด้วยสารพัดมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน มาตรการต่างๆ ที่ออกมาใหม่ๆ จึงไม่ทำให้การงานดีขึ้น ท้ายสุดจึงหันไปหาการใช้อำนาจ จะบังคับบัญชาอย่างเด็ดขาด ซึ่งกลายเป็นทางตันในการบริหารสำหรับสมภารที่เป็นเณรน้อย เพราะคนในวันนี้บังคับบัญชาไม่ได้ผลอีกแล้ว งานสำเร็จได้ด้วยดี เพราะมีความผูกพันเกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนของผู้นำ ถ้าถึงขั้นใช้อำนาจเป็นสรณะ คงเกินแก้ไขแล้ว นอกจากเอาเณรออกจากหน้าที่สมภาร แล้วหาเจ้าคุณมาเป็นสมมภาร ที่พร้อมจะสั่งสอนเณรน้อยด้อยฝีมือ แต่อยากใหญ่ให้รู้ตัวตนสักที