27 ปี “อภิสิทธิ์” บนเส้นทางการเมืองกับประชาธิปัตย์

27 ปี “อภิสิทธิ์” บนเส้นทางการเมืองกับประชาธิปัตย์

27 ปีก่อน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ลาออกจาก อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เพื่อมารับสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.กทม.สมัยแรก ในนามพรรคประชาธิปัตย์ 

ครั้งแรกในการเลือกตั้ง 22 มีนาคม 2535 ในขณะนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวัยหนุ่มเพียง 27 ปี เป็นนักการเมืองหนุ่ม ที่ถูกทำนายในขณะนั้นว่า จะมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

อภิสิทธิ์ ใช้เวลา 17 ปี ในการเป็นนักการเมือง ไต่เต้ามาจาก ส.ส.เขต โฆษกรัฐบาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และก้าวพรวดมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย ด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง ที่มีการยุบพรรคพลังประชาชนในขณะนั้น 

 ต้องยอมรับว่า อภิสิทธิ์ เวชชีวะ เกิดมาเพื่อเป็นนักการเมืองโดยแท้ ด้วยการ ไม่มี “วัตรปฏิบัติ”ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

แม้ว่าตลอดระยะเวลา 27 ปี ในการเมือง จะถูกวิจารณ์บ้าง แต่หาได้มี เรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ มาระคายการทำงานทางการเมืองของอภิสิทธิ์ แม้แต่น้อย

ทว่าในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 3 สมัย ต้องบอกว่า ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คิดฝัน เขาก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2548 เมื่อ บัญญัติ บรรทัดฐาน ลาออกหลังแพ้การเลือกตั้งให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร ในปีเดียวกัน 

3 สมัยของการเป็นหัวหน้าพรรค และ 3 สมัยในการนำทัพประชาธิปัตย์ทำศึกเลือกตั้ง ตั้งแต่ปี 2551, 2554 และ 2562 อภิสิทธิ์ แพ้พรรคในเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร รวด

การแพ้เลือกตั้ง 2562 นับเป็นการแพ้ที่ย่อยยับ ทำเอาประชาธิปัตย์หล่นลงเป็นพรรคอันดับ 4 ตามหลังพรรคเกิดใหม่อย่างอนาคตใหม่ ส่งผลให้ อภิสิทธิ์ ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค และแทบจะปิดโอกาสในการกลับมานำทัพอีก

การประกาศแตกหัก ไม่ยอมเดินตามมติพรรค เลือกพิทักษ์จุดยืนทางการเมืองในการไม่เอา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุมหนึ่งเป็นจุดยืนที่มั่นคง ซึ่งน่านับถือยิ่ง แต่อีกมุมหนึ่ง การเลือกเดินแบบนี้ คือการ “ปิดฉาก” การเมืองของชายชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปอย่างเด็ดขาด เพราะไม่มีพื้นที่ทางการเมืองเหลือให้ 

พราะในพรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่กำเนิดทางการเมืองของอภิสิทธิ์ ได้ ลั่นดาลปิดโอกาสการกลับมากุมบังเหียนพรรคประชาธิปัตย์ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว