Facebook และ Apple ก้าวเข้าสู่สังเวียน Fintech

Facebook และ Apple ก้าวเข้าสู่สังเวียน Fintech

การเข้ามาสู่วงการ Fintech ของยักษ์ใหญ่เหล่านี้

โลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน บริษัทชั้นนำของโลกต่างเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีทั้งสิ้น โดยเห็นได้จากบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดห้าอันดับแรกได้แก่ Microsoft, Amazon, Apple, Alphabet (Google) และ Facebook ซึ่งทั้ง 5 บริษัทนี้มีฐานผู้ใช้งานทั่วโลกเป็นจำนวนมาก และได้ขยายขอบเขตของการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพราะได้ประโยชน์จาก Big Data ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าไว้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในบริการล่าสุดที่บริษัทเหล่านี้ได้เริ่มนำออกสู่ตลาดคือบริการด้านการเงินซึ่งมีพื้นฐานมาจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี หรือบริการด้าน Fintech นั่นเอง

การเข้ามาสู่วงการ Fintech ของยักษ์ใหญ่เหล่านี้ เกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนาบริการของสถาบันการเงินผ่านกระบวนการ Digitalization ส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างบริษัทด้านเทคโนโลยีกับสถาบันการเงินมีความเลือนลางจนเกือบจะหายไป หรือพูดง่าย ๆ ว่า Tech Firm กำลังจะกลายเป็น Bank และทุก Bank ต้องปรับตัวให้เป็น Tech Firm

เมื่อไม่นานมานี้ Facebook ได้ออกข่าวเรื่องการใช้ Blockchain Technology เพื่อสร้าง Cryptocurrency ของตัวเอง โดยได้จัดตั้งบริษัทลูกด้าน Fintech ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บริษัทนี้มีเป้าหมายในการให้บริการด้าน Payment เพื่อรองรับการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกรรมทางการเงินแบบ Online ผ่านการใช้งาน Cryptocurrency ประเภท Stable Coin ซึ่งมีมูลค่าคงที่เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่ใช้อ้างอิง

เช่น การออกแบบ Stable Coin ที่กำหนดมูลค่าของ 1 Coin ให้เท่ากับ 1 ดอลล่าร์สหรัฐตลอดเวลา เป็นต้น บริการนี้น่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการโอนเงินและจับจ่ายใช้สอยของฐานผู้ใช้งาน Facebook ที่มีอยู่กว่า 2 พันล้านคนทั่วโลกได้ ตามคำพูดของ Mark Zukkerberg ที่ได้กล่าวไว้บนเวที F8 ว่า 'Sending money should be as easy as sending photos'

นอกจากนี้ Facebook เองก็ยังมีศักยภาพในการประยุกต์ใช้ระบบ Payment ดังกล่าวกับ WhatsApp และ Instagram ซึ่งเป็นบริษัทที่ Facebook ได้ซื้อกิจการมาก่อนหน้านี้อีกด้วย หากบริการดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย เชื่อได้ว่าเหล่านักช้อป Online ที่ชอบส่องสินค้าผ่าน Instagram และ Facebook น่าจะให้ความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ข้ามมาอีกบริษัทหนึ่ง Apple เองก็ได้เปิดตัวบริการ Credit Card ไปไม่นาน ภายใต้ชื่อ Apple Card โดยมีจุดเด่นด้านการใช้ iPhone ให้เป็นเครื่องมือสำหรับจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้ทันที และยังสามารถเก็บข้อมูลรายละเอียดการใช้จ่ายไว้ได้อย่างเป็นระบบ

เช่นการเก็บชื่อร้านอาหารที่ใช้จ่ายไปพร้อมกับเวลาและแผนที่ของร้าน นอกจากนี้ Apple ยังมี Promotion หรือ Cash Back ทันทีเมื่อทำรายการใช้จ่าย โดยบริการนี้ถือเป็น Payment + Personal Finance Application ไปในตัวเนื่องจากผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์และควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผมค่อนข้างมั่นใจว่า Apple จะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ โดยบริการต่อเนื่องจาก Apple Card อาจจะเป็น Robo-advisor หรือ Micro-investment ตามที่ได้เคยพูดถึงจากครั้งก่อน ๆ

จากสองข่าวที่นำมาฝาก บอกได้คำเดียวครับว่า ทั้ง Facebook และ Apple มาแล้วในวงการ Fintech และเค้าไม่ได้มาเล่น ๆ แน่ครับ